· หุ้นเอเชียเผชิญการอ่อนตัว หลังจากที่หุ้นทั่วโลกไปแตะสูงสุดประวัติการณ์ครั้งใหม่
ตลาดหุ้นเอเชียโดยส่วนใหญ่ในวันนี้ไม่ได้ตอบรับกับการปรับขึ้นทำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของหุ้นทั่วโลก โดยปรับลดลงตั้งแต่เช้า ท่ามกลางหุ้นออสเตรเลียร่วงนำเทรนด์ตลาด
ดัชนี MSCI ไม่รวมญี่ปุ่น ปิด -0.59% และปิดปรับตัวลงตลอดช่วง 3 วันทำการ
เทรดเดอร์ดูจะยังมีความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับ "ความเป็นไปได้" ของข้อกำหนดการปราบปรามครั้งใหม่ในประเทศจีน รวมทั้งสถานการณ์ยอดติดเชื้อ Delta Covid ระลอกใหม่ที่ระบาดไปทั่วในหลายๆประเทศของภูมิภาค
เมื่อคืนที่ผ่านมา หุ้นสหรัฐฯ นำโดย Dow Jones และ S&P500 ปิดปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่ปรับขึ้นหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนยังตอบรับกับข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ ที่ยังบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
· หุ้นเกาหลีใต้ดิ่งนำในเอเชีย จากหุ้นบริษัท Samsung ปิดร่วงหลังมีข่าวปล่อยตัวนาย "ลี" ทายาทของผู้บริหารบริษัทออกจากเรือนจำ
หุ้นบริษัท Samsung ดิ่งหนัก -3.38%
หุ้นบริษัท Samsung C&T ปรับลง -1.11%
หุ้นบริษัท Samsung Life Insurance ปรับลง -1.2%
หุ้นบริษัท SDS ปรับลง -1.68%
· ดัชนีนิกเกอิปิดร่วง โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มชิป แต่ภาพรายสัปดาห์ยังคงปิดบวกต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ติด
อย่างไรก็ดี การปรับขึ้นของหุ้น Recruit Holdings อย่างหนักก็ช่วยจำกัดการปรับลงของดัชนีนิกเกอิได้ จึงทำให้นิกเกอิปิด -0.14% ที่ระดับ 27,977.15 จุด
ดัชนี Topix ปิด +0.15% ที่ 1,956.39 จุด
· หุ้นจีนปิดแดนลบ จากภัยคุกคามกลุ่มผู้ผลิตชิป - หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีกดดันหุ้นฮ่องกง
หุ้นจีนปิดปรับตัวลดลงตามการร่วงลงของหุ้น Semiconductor หลังจากที่ปรับขึ้นวันก่อน
หุ้นฮ่องกงปิดร่วงจากจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เข้ากดดัน โดยดัชนี HSI ปิด -0.7% ที่ 26,331.89 จุด และดัชนี Hong Kong China Enterprises ปิด -1% ที่ 9,367.77 จุด
ดัชนี CSI300 ปิด -0.6% ที่ระดับ 4,941.48 จุด
ดัชนี Shanghai Composite ปิด -0.3% บริเวณ 3,515.76 จุด
หุ้นผู้ผลิตชิปชั้นนำในจีนปรับตัวลดลง ขณะที่ดัชนี Semiconductor ปิด -3.1% ขณะที่ภาพรวมปีนี้ ดัชนีกลุ่มนี้ปรับขึ้นได้แล้วราว 30%
· หุ้นอินเดียปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มผู้บริโภค และการสนับสนุนทาง IT -ขณะที่รัฐบาลเล็งเพิ่มมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Covid-19
ดัชนี NSE Nifty 50 ปิด +0.47% ที่ 16,440.10 ขุด
ดัชนี S&P BSE Sensex ปิด +0.45% ที่ระดับ 55,101.54 จุด
ภาพรวม 2 ดัชนีข้างต้นสัปดาห์นี้ขึ้นมาแล้วกว่า 1%
· หุ้นยุโรปเปิดทรงตัวท่ามกลางนักลงทุนประเมินสถานการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจโลก และการเพิ่มจำนวนของยอด Covid-19
ดัชนี Stoxx600 เปิด +0.1% และทรงตัวตั้งแต่ช่วงการซื้อขาย ท่ามกลางหุ้นค้าปลีกที่ปรับขึ้นมา 0.6% แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเปิด -0.4%
· ดัชนี FTSE 100 ปรับขึ้นต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีก และเหมืองแร่ที่กำลังเพิ่มขึ้น
· ดัชนีอนุพันธ์สหรัฐฯเคลื่อนไหวทรงตัว หลังตลาดหลักอย่างดัชนี S&P500 ทำสุงสุดประวัติการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวไทยรัฐออนไลน์
หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 0.62 ดัชนีอยู่ที่ 1,532.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,421.10 ล้านบาท
การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 13 ส.ค. 64 ครึ่งวันเช้าพบว่า ดัชนีปรับลด 0.62 จุด เปลี่ยนแปลง -0.04% ดัชนีอยู่ที่ 1,532.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,421.10 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 5. บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน).
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- "บิ๊กตู่" กำชับเจ้ากระทรวงบี้รัฐวิสาหกิจเร่งเดินหน้าโครง การลงทุนให้ได้ตามเป้าหมาย หวังดึงเม็ดเงินลงทุนช่วยพยุงเศรษฐกิจ ด้าน "พลังงาน" โวครึ่งปีเข็นเม็ดงบลงทุนในธุรกิจพลังงานแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมปักธงทั้งปี 2564 ต้องได้ 2 แสนล้านบาท
- ทีดีอาร์ไอ" ชงโมเดล ใช้เงินกู้ 1.5 แสนล้าน พยุงจ้างงานเอสเอ็มอี 13 ล้านราย รวม 3 เดือน ลดปลดแรงงานตั้งเงื่อนไขนายจ้างฝึกทักษะดิจิทัล รับการเปลี่ยนแปลงหลังโควิด "สมาพันธ์ เอสเอ็มอี" แนะพยุงจ้างงานควบคู่มาตรการพักหนี้แบบจริงใจชี้เจอปัญหาขาดสภาพคล่องหนัก ร้านอาหารทยอยลดพนักงานหลังรายได้เกือบเป็นศูนย์
- รายงานข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ททท. ได้เห็นชอบแผนวิสาหกิจ ททท. ระยะเวลา 5 ปี (2560-65) ฉบับทบทวนปี 65 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นกรอบการจัดทำคำขอตั้งงบประมาณปี 65 และการดำเนินการตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ตั้งเป้าหมายตำแหน่งทางการตลาดในปี 65 ประเทศไทยมีอันดับรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุดติด 1 ใน 5 ของโลก
ที่มา: CNBC, Reuters