ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงในเดือนก.ค. ท่ามกลางกลุ่มผู้บริโภคที่มีแนวโน้มจะตอบรับกับ
- การระบาดของ Delta Covid-19
- ยอดขายออนไลน์ที่ลดลง
- การเข้าซื้อยานพาหนะปรับตัวลง
อ้างอิงผลสำรวจจาก Dow Jones ระบุว่า บรรดานักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ถูกคาดว่าจะเห็นข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯปรับลงราว 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับอัตราขยายตัวเดือนมิ.ย. ที่อยู่ที่ 0.6%
สำหรับข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯที่ไม่รวมยอดขายยานยนต์ คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบกับข้อมูลเดือนมิ.ย. ที่ปรับขึ้นไปมากถึง 1.3%
และข้อมูล 2 ตัวข้างต้น จะประกาศในคืนนี้เวลา 19.30น. (ตามเวลาไทย) ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ประกาศต่อจากรายงานผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ล่าสุดแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2011 อันเนื่องจาก “ความกังวลเกี่ยวกับ Covid-19 กระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ”
มุมมองนักเศรษฐศาสตร์
กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America - คาดว่า ยอดขายมีแนวโน้มจะลดลงมากและอาจเห็นข้อมูลเมื่อเทียบรายเดือนดิ่งลงมากถึง -2.3%
- ข้อมูลการใช้งานบัตรเครดิต สะท้อนถึง การใช้งานที่ลดลงมากกว่าปกตินับตั้งแต่ที่เดือนก.ค. ที่ผ่านมาแม้จะมีการจัดงาน Prime Day Sales ก็ตาม รวมถึงการจัดงาน Amazon’s Prime Day เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา
นักเศรษฐศาตร์ระดับอาวุโสจาก Bank of America มองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่สะท้อนถึงองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ดูจะเห็นถึงการชะลอตัวเป็นวงกว้างที่มากขึ้น ดังนั้น นี่ถือเป็น “เรื่อง่ใหญ่” ไม่เว้นแม้แต่การซื้อของออนไลน์ที่ดลน้อยลงในเดือนก.ค. ที่ร่วงลงมากกว่าเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในภาคบริการที่เคยดีมาต่อเนื่อง แต่ก็มีการชะลอตัวลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวที่ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับการเดินทางด้วยสายการบินที่ปรับตัวลง ควบคู่กับค่าใช้จ่ายด้านการโรงแรม โดยในช่วง 7 วันสุดท้ายของเดือนก.ค. เราเห็นได้ถึงการปรับตัวลดลงของยอดค้าปลีกออนไลน์ที่ร่วงไป -2%
อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายกลุ่มผู้บริโภค ถูกคิดเป็น 70% ของจีดีพีสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญมากในการขยายตัว แต่ก็เชื่อว่าอาจเห็นการดีดกลับได้ในช่วงเดือนส.ค. อันเป็นผลจากการกลับมาซื้อของในช่วง Back-To-School หรือการกลับมาเปิดภาคเรียนของนักเรียน-นักศึกษา
ที่มา: CNBC
Thai
Eng