MTS Help Center

FOMC Minutes Preview: จับตารายงานประชุมเฟดก.ค. อาจเห็นคำถามใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าคำตอบ

Ø  สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และอาจเป็นตัวหักล้างข้อมูลในรายงานการประชุมเฟด

Ø  ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนส.ค. ปรับลงทำต่ำสุดรอบ 11 ปี จากสถานการณ์ที่ย่ำแย่ 

Ø  ค้าปลีกสหรัฐฯดิ่ง -1.1% ในเดือนก.ค. ร่วงมากกว่าคาด 3 เท่าตัว 

Ø  รายงานประชุมเฟด 27-28 ก.ค. อาจระบุถึง "ความคืบหน้า" ทางเศรษฐกิจ 

 

รายงานการประชุมเฟดระหว่างวันที่ 27-28 ก.ค. อาจจะยังเห็นคำถามต่างๆต่อไป ว่าทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องของตลาดแรงงาน จะฟื้นตัวเพียงพอให้เฟดเริ่มต้นหารือทำการลด QE หรือไม่?

โดยจะเห็นได้ว่า หลังประชุมเฟดเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ตั้งแต่นั้นเราเห็นถึงการที่เศรษฐกิจมีการฟื้นตัวมาสู่ระดับเป้าหมาย และสมาชิกเฟดก็ดูจะสนับสนุนโอกาสการลด QE ในการประชุมครั้งหน้า

ทั้งนี้ ความคืบหน้าทางเศรษฐกิจที่เห็นได้ชัด ดูจะเป็นประเด็นสำคัญแรกในการจะทำการ "ลดการเข้าซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญ" แต่ตลาดก็ยังมีความกังวล

ในขณะที่ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีการแกว่งขึ้นรับข่าว แต่ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงหลังจากที่ทราบรายงานผลประชุม และ ณ ขณะนี้ ดูจะเห็นนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น 

นอกจากนี้ หลังจบประชุมวาระดังกล่าว เราจะเห็นได้ว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด มีการให้สัมภาษณ์ และประเมินว่าการจะเริ่มหารือถึงการลด QE ในช่วงแรกกำลังใกล้เข้ามา โดยได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่นายโพเวลล์ ก็ยังมองว่า แม้จะเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวแต่ก็ยังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนที่เฟดตั้งเป้าไว้ ก่อนเปลี่ยนแปลงนโยบายใดๆ 

ตลาดต่างๆจึงกลับมาเคลื่อนไหวสวนทางกับช่วงต้น โดยดอลลาร์อ่อนค่าเล็กน้อยในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง และตลาดหุ้นปิดลบ 

 

FOMC minutes - รายงานประชุมเฟด

รายงานประชุมเฟด ถือเป็นการสื่อสารถึงสิ่งที่เฟดคิด และบ่อยครั้งมักเห็นรายละเอียดข้อมูลของประธานเฟด แต่ก็อาจจะไม่ได้พบกับรายละเอียดใหม่ๆมากนัก  แต่ตลาดต่างๆก็ยังต้องการหา "ความชัดเจน" ของสัญญาณความคืบหน้าทางเศรษฐกิจในการไปถึงเป้าหมายของเฟด   รวมไปถึงมุมมองของบรรดาสมาชิกเฟดว่าจต้องการให้เกิดการขึ้นดอกเบี้ยเร็วมากน้อยแค่ไหนด้วย 

 

บทสรุป 

รายงานประชุมเฟดอาจได้รับผลกระทบจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ได้รับการสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน จึงอาจทำให้บรรดาสมาชิกเฟดหารือยุติ QE กันในช่วง "ไตรมาสที่ 4/2021" หรือ "ไตรมาสแรกของปีหน้า" 

ขณะที่แนวโน้มของกลุ่มผู้บริโภค ดูจเป็นเพียง "ชั่วคราว" ที่ตอบรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสและ "เงินเฟ้อ" หรือจริงๆแล้วอาจเป็นการเริ่มต้นของการอุปโภคบริโภคที่อ่อนแอ ซึ่งก็ไม่อาจทราบได้ จนกว่าเฟดจะเป็นผู้ไขข้อข้องใจนี้ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ย 

ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯกว่า 70% ขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค ดังนั้น หากข้อมูลการอุปโภคบริโภคภายในประเทศลดลง ขณะที่เงินเฟ้อยังสูง อาจสร้างแรงกดดันเชิงลบแก่เฟดได้ 

การปรับขึ้นดอกเบี้ย อาจเกิดขึ้นเพื่อยับยั้งการทะยานขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งกระทบการจ้างงานได้ หรือเฟดจะยังคงนโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป แม้จะเผชิญการปรับขึ้นรุนแรงของเงินเฟ้อ แต่ก็จะยังช่วยหนุนจีดีพีและการจ้างงานได้ 

และหากต้องให้เฟดเลือกระหว่าง "เงินเฟ้อ" กับ "การจ้างงาน" เฟดมักเลือกอย่างหลังมากกว่าในทุกๆครั้ง 

ที่มา: FXStreet