ทองขึ้น จากความกังวลไวรัส หนุนความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ช่วยหนุนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
· ราคาทองคำ +0.4% ที่ระดับ 1,792.42 เหรียญ หลังปรับขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค. ที่บริเวณ 1,795.25 เหรียญในช่วงก่อนหน้านี้
· สัญญาทองคำ +0.3% ที่ระดับ 1,793.50 เหรียญ
· ความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดการเงินยังคงอ่อนแอ โดยหุ้นเอเชียอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดของปี เนื่องจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า
· ประกอบกับสัญญาณของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังยอดค้าปลีกของสหรัฐฯออกมาลดลงเกินคาดในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
· คืนนี้เหล่านักลงทุนกำลังรอคอยรายงานการประชุมเฟดเดือนก.ค. เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับแผนการปรับลด QE ของเฟด
· นายนีล คาร์ชาคาริ ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ชี้ มี “เหตุผล” หลายประการในการเริ่มต้นลดการเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐฯในช่วง “ปลายปีนี้” หรือ “ต้นปีหน้า” แม้ว่าจะต้องขึ้นกับความคืบหน้าของตลาดแรงงานด้วยก็ตาม
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนว่าการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อเศรษฐกิจหรือไม่
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Reuters กล่าวว่า ราคาจะต้อง Break ระดับ 1,795 เหรียญขึ้นไป จึงไปเจอเป้าหมายทิศทางขาขึ้นที่ระหว่าง 1,801-1,811 เหรียญ
· Gold Price Forecast: ทองคำกับโอกาสทดสอบ 1,800 เหรียญในการกลับสู่ "ขาขึ้น" - จับตารายงานประชุมเฟดเป็นสำคัญ
นักวิเคราะห์จาก FXStreet ระบุว่า ก่อนเข้าสู่การเปิดเผยรายงานประชุมเฟดเดือนก.ค. ดูเหมือนทองคำจะกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงกลุ่มผู้เข้าซื้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าแนวโน้มขาขึ้นจะกลับมาได้หากฝ่าเหนือ 1,800 เหรียญ
ทั้งนี้ หากรายงานประชุมเฟดเดือนก.ค. มีสัญญาณถึง "แผนการลด QE" ครั้งใหม่ โดยเฉพาะเมื่อประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณมั่นใจต่อเศรษฐกิจเนื่องจาก Delta Covid-19 ระบาด
สถานการณ์ที่ตึงเครียดเกี่ยวกับ Covid-19 ดูจะยังสร้างความเสี่ยงต่อราคาทองคำในทิศทางขาขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่นำมาซึ่ง "ความไม่แน่นอนอย่างมาก" ต่อโอกาสทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าก่อนประชุมเฟด ท่ามกลางความเชื่อมั่นในสินทรัพย์เสี่ยงที่ลดลง ก็ดูจะช่วย "สนับสนุน" ทองคำในเวลานี้ แต่จะเห็นได้ว่า หลายๆคนก็ "ถือครองดอลลาร์ในฐานะ Safe-Haven" จึงอาจเป็น "ปัจจัยลบ" ต่อทองในเวลาเดียวกันได้เช่นกัน
ขณะที่ภาพรวมนักลงทุนรอรายงานผลประชุมเฟดคืนนี้
Gold Price Chart - Technical outlook
นักวิเคราะห์จาก FXStreet วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำจะยังอยู่ในกรอบ และเคลื่อนไหวจุดสำคัญของเส้นค่าเฉลี่ย Simple Moving Averages หรือ SMA 2 จุด บนภาพกราฟราย 4 ชั่วโมง
จุดแรกคือ 1,796 เหรียญ คือบริเวณเส้น 200-SMA ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าทองจะขึ้นต่อได้หรือไม่ กับอีกจุด คือ 1,786 เหรียญ ที่อยู่ระดับ 100-SMA ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะลงต่อหรือไม่
ภาพรวมรางานประชุมเฟดอาจทำให้เราเห็น ราคาทองคำอาจ Breakout จากกรอบทางใดทางหนึ่ง ท่ามกลางสัญญาณ RSI ที่ดูเหมือนจะยืนได้สูงขึ้นจากเส้นกลาง และมีความเสี่ยงที่จะเห็นทองคำ "Break ขึ้น" มากกว่า
บริเวณ 1,813 เหรียญ ที่เป็นเส้นค่าเฉลี่ย DMA ราย 200 วัน ก็เป็นอีกระดับสำคัญที่นักลงทุนฝั่งซื้อจับตา
อย่างไรก็ดี หากกราฟ 4 ชั่วโมง สะท้อนว่า ทองคำสามารถปิดได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200-SMA ก็อาจเห็นทองคำทดสอบ 1,800 เหรียญได้
ในทางกลับกัน "หากทองหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 100-SMA ลงมา ก็มีโอกาสกลับลงมาทดสอบ 1,780 เหรียญก่อน" และหากยืนเหนือไม่ได้ มีโอกาสปรับลงมาทดสอบเส้น 100-SMA กรอบล่างที่แนว 1,759 เหรียญ
· ทองคำอาจไปไม่ถึงเป้าหมายกรอบ 1,801 - 1,811 เหรียญ
รายงานจาก Business Recorder กล่าวว่า กรอบเป้าหมายชั่วคราวของราคาทองคำในเวลานี้อยู่ที่ 1,801 - 1,811 เหรียญ และมีเพียงหนทางเดียวที่จะเห็นคือทองคำต้องกลับมายืนให้ได้เหนือ 1,795 เหรียญ
เพราะถึงราคาทองคำจะกลับมายืนเหนือระดับแนวรับสำคัญ 1,785 เหรียญได้ ก็ยังมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอนว่าจะกลับขึ้นมาบริเวณเป้า 1,811 - 1,827 เหรียญ
และตราบเท่าที่ทองคำยังเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,795 เหรียญ ก็ยังมีโอกาสเห็นทองคำร่วงลงไปแตะ 1,716.57 เหรียญ ที่เป็นระดับต่ำสุดของ Wave B แต่หาก Break เหนือ 1,795 เหรียญ จะยืนยันการขยายตัวขึ้นต่อของ Wave C เพื่อไปหา 1,811 เหรียญ
ราคาทองคำอาจขึ้นสู่กรอบ 1,801 - 1,811 เหรียญ
สำหรับกราฟรายวันจะเห็นการเกิด Doji บ้างเล็กน้อย แถวๆระดับแนวต้านสำคัญ 1,800 เหรียญ แต่ภาพ "ขาลง" ก็ยังไม่จางไป ดังนั้น ทองคำจึงอาจถูกกดดันกลับลงมาที่ 1,765 เหรียญ หรืออย่างน้อยที่สุด 1,773 เหรียญก่อน
ทั้งนี้ ถ้าทองคำยืนได้เหนือ 1,800 เหรียญ ก็อาจไม่เพียงพอจะกระตุ้นทองขาขึ้น*เพราะมีโอกาสเผชิญแรงเทขายทำกำไรทำให้กลับตกลงมาอีกครั้ง
· ราคาซิลเวอร์ +0.5% ที่ระดับ 23.75 เหรียญ
· ราคาแพลิตันม +1.1% ที่ระดับ 1,008.60 เหรียญ
· ราคาพลาเดียม +1.7% ที่ระดับ 2,532.18 โดยรีบาวน์จากระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวานนี้
· ดอลลาร์อยู่ในทิศทางแข็งค่าก่อนทราบรายงานประชุมเฟด ขณะที่ค่าเงินกีวีผันผวนจาก RBNZ
ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวแถว 93.01 จุด แต่อยู่เหนือสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ที่ทำไว้เมื่อวานนี้
ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์ก็ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่ามากสุดรอบ 9 เดือนเมื่อเทียบยูโรด้วย
ค่าเงินกีวีแกว่งแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ 0.6935 ดอลลาร์/กีวี หลังจากช่วงต้นตลาดลอนดอน อ่อนค่าไปราว 1% ที่ 0.6868 ดอลลาร์/กีวี ตอบรับประชุม RBNZ ที่ยังคงดอกเบี้ยต่ำประวัติการณ์ จากการระบาดของไวรัส หนุนให้เกิดการกลับมาใช้ Lockdown
· ดร. วิน กัปตา ศาสตราจารย์ประจำสถาบัน Health Metrics and Evaluation ของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน แนะสหัฐฯควรมุ่งเน้นให้ประเทศที่เหลือในโลกฉีดวัคซีนได้มากขึ้น จึงค่อยเริ่มบูสวัคซีนเข็มสามแก่ประชาชน
· สหรัฐฯ รายงานพบยอดเสียชีวิตรายวันจาก Covid-19 ทะยานสูงกว่า 1,000 รายในวันเดียว
· ซิดนีย์ เตือน อาจเห็นสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นจากยอดติดเชื้อ Delta Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น
· นิวซีแลนด์เริ่มต้น Lockdown แล้ว จากยอดติดเชื้อ Delta Covid-19 ที่เพิ่มสูงขึ้น
· ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ เลื่อนการขึ้นดอกเบี้ย จากการระบาดของ Covid-19 แต่ยังย้ำถึงการจะคุมเข้มทางการเงินได้ก่อนสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ การระบาดของ Covid-19 ในประเทศยังไม่แน่นอน และยังทำให้มีการกลับมาใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง จึงทำให้ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) ตัดสินใจคงดอกเบี้ยระดับต่ำประวัติการณ์ 0.25% จากที่คาดว่าอาจเห็นการประชุมวาระนี้ทำการขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25%
· บรรดาสมาชิกธนาคารกลางต่างๆ ส่งสัญญาณ "ระมัดระวัง" มากขึ้น จากสถานการณ์ Delta Covid-19 ระบาด
เฟดประสานเสียง "ระมัดระวัง
- แม้เมื่อวานนี้ "ประธานเฟด" ะจไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับนโยบายการเงินแต่ก็มีการระบาดว่าการะรบาดของ Covid-19 อย่างต่อเนื่อง ยังมีความไม่แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างไร
- ประธานเฟดสาขามินนิแอโพลิส กล่าวเตือนถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่อาจใช้เวลา 2-3 ปี เนื่องจากการระบาดของไวรัสอาจมีผลโดยนัยต่อเศรษฐกิจในองค์รวมได้
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ ล่าสุดคงดอกเบี้ย ท่ามกลาง Covid-19 ระบาด
· จีนเรียกร้อง "จำกัดรายได้เกินจริง" รวมทั้งเรียกร้องให้คนรวยเดินหน้าตอบแทนเพื่อสังคมมากขึ้น และขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันขจัด "ความเสี่ยงทางการเงิน"
ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์ มองไปในทางเดียวกันว่า แถลงการณ์ล่าสุดดูจะสะท้อนถึงแนวทางการปราบปรามกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีด้วยมาตรการเข้มงวด
· ส่งออกจีนไปเกาหลีเหนือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติด เป็นมูลค่า 16.8 ล้านเหรียญในเดือนก.ค. จาก 12.3 ล้านเหรียญในเดือนมิ.ย.
· ญี่ปุ่นแสดงความกังวลว่าอาจเผชิญกับ "ความล้าหลัง" หลังสหรัฐฯทำการทุ่มเงินหลายพันล้านเหรียญเพื่ออุตสาหกรรมด้านชิป ต่อต้านจีน
· ส่งออกญี่ปุ่นขยายตัว 5 เดือนติด แม้คำสั่งซื้อภาคการผลิตลดลง - ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแรง
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยข้อมูลส่งออกเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปีขยายตัวได้มากถึง 37% และยังคงขยายตัวได้ต่อ หลังจากที่เดือนมิ.ย. ขยายตัวไป 48.6%
· การอพยพออกจากอัฟกานิสถานยังคงมีอยู่ แม้ตอลิบานจะให้คำมั่นสัญญาเรื่อง "สันติภาพ"
· เจ้าหน้าที่ตอลิบาน เผย บรรดาผู้นำตอลิบานจะไม่อยู่อย่าง "หลบซ่อน" อีกต่อไป
· CNBC ชี้ การกลับมาของตอลิบาน ดูจะส่งผลให้ประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่อินเดีย - จีน ต้องหาวิธีปรับตัวให้เข้ากับแนวโน้มทางการเมืองจากนี้