• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 19 สิงหาคม 2564

    19 สิงหาคม 2564 | SET News


·         หุ้นเอเชียร่วงลง หลังหุ้นอาลีบาบาในฮ่องกงร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์


ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงโดยตลาดหุ้นเทคโนโลยีจีนร่วงลงอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลจีนเดินหน้าร่างกฎหมายควบคุมบริษัทเทคโนโลยี เพื่อพยายามป้องกันไม่ให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และจำกัดการใช้ข้อมูลของผู้ใช้บนแพลตฟอร์มต่างๆ จึงเป็นปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุน

หุ้นอาลีบาบาในฮ่องกง ร่วงลงมากกว่า 5% ทำระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์บ่ายวันนี้

หุ้น Tencent -1.97%

หุ้น Meituan -6.97%

ดัชนี Hang Seng Tech -2.27%

ดัชนี  Taiex ในไต้หวัน -2.68% ที่ระดับ 16,375.40 จุด

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับร่วงลง 1.69%

 

·         ดัชนี Nikkei ร่วงลงทำต่ำสุดรอบ 7 เดือน

ดัชนี Nikkei ปรับร่วงลง 1.1% ปิดที่ระดับ 27,281.17 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนม.ค.

ด้านดัชนี Topix ร่วงลง 1.39% ที่ระดับ 1,897.19 จุด หลังหุ้นบริษัทโตโยต้าร่วงลงจากข่าวที่ว่า ทางบริษัทจะปรับลดกำลังการผลิตลงถึง 40% ในเดือนหน้าเนื่องจากการขาดแคลนชิป

ขณะที่หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นของญี่ปุ่นก็ลดลงเช่นกัน:

หุ้นนิสสัน -2.63%

หุ้นฮอนด้า -2.73%

หุ้นมิตซูบิชิมอเตอร์ส -2.38%

ด้านดัชนี Kospi เกาหลีใต้ -1.88%

ดัชนี  S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย ปิด -0.5% ที่ระดับ 7,464.60 จุด หลังจากที่อัตราการว่างงานของออสเตรเลียในเดือนก.ค.ลดลงเหลือ 4.6%  เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ 4.9%

 

·         หุ้นเหมืองแร่ของออสเตรเลียลดลง

หุ้นเหมืองแร่ในออสเตรเลียร่วงลงอย่างมาก หลังจากราคาแร่เหล็กลดลงในชั่วข้ามคืน

หุ้น Rio Tinto -5.73%

หุ้น Fortescue Metals Group -6.15% และ BHP -6.35%


·         หุ้นยุโรปร่วงลง 1% - กังวล Tapering QE


ตลาดหุ้นยุโรปปรับร่วงลงมากกว่า 1% จากความกังวลที่ว่าการปรับลด QE จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวลง ทำให้หุ้นเหมืองแร่แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน

ดัชนี Stoxx600 -1.5% ซึ่งทำระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ด้านหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ -4.2%

ขณะที่หุ้นการท่องเที่ยวและการพักผ่อน -2.4% ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าที่เพิ่มสูงขึ้น


·         ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯเผชิญแรงเทขายจากรายงานการประชุมเฟดเดือนก.ค. ที่แสดงให้เห็นว่า เฟดจะเริ่มปรับลด QE ก่อนสิ้นปีนี้

ดัชนี Dow Jones Industrial ลดลง 170 จุด

ดัชนี S&P 500 futures และ Nasdaq 100 futures ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบ

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ

หุ้นไทยวันนี้ (19 ส.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า+0.48 จุด ซื้อขาย 43,806 ล้าน

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (19 ส.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,552.35 จุด ปรับขึ้น +0.48 จุด หรือคิดเป็น +0.03% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 43,806 ล้านบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 1,545.46-1,553.90 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ HANA KBANK และ PSL

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับลง -1.24 จุด หรือ -0.13% อยู่ที่ 932.73 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 19,374 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 44.23% ของ SET ทั้งหมด

 

ไทยใช้น้ำมันครึ่งปีแรกวูบ 3.9% “ปตท.-บางจากฯ-พีทีจีฯ” ยังบวก

แม้ว่าทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) คาดการณ์แนวโน้มการใช้พลังงานปี 2564 ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% ตามสมมุติฐานภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 0.7-1.5% โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการผลิตเพื่อการส่งออกที่เริ่มฟื้นตัว จึงคาดการณ์ว่าการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเภท แต่ยกเว้น การใช้น้ำมัน” ที่คาดว่าจะลดลง 5.5%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาทางผลักดันการเปิดจังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ล่าสุดแผนนี้คืบหน้าไปได้ 80% แล้ว โดยในวันที่ 24 ส.ค. นี้ นายเจริญฤทธิ์สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จะประชุมร่วมกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เพื่อสรุปแนวทางทั้งหมด ก่อนนำเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พิจารณาเห็นชอบ โดยกำหนดการเปิดคงเลื่อนออกจากแผนเดิมในวันที่ 1 ก.ย.2564 เป็นวันที่ 1 ต.ค.2564 เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการกระจายวัคซีนยังไม่ครอบคลุม 70% ของประชากรในพื้นที่สำหรับรูปแบบการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวของเชียงใหม่ จะไม่เหมือนกับภูเก็ต และเกาะสมุย ที่ให้นักท่องเที่ยวกำหนดโปรแกรมเดินทางของตัวเองได้อย่างอิสระ

 

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยสถิติการใช้สิทธิประโยชน์สำหรับการส่งออกสินค้าไทยภายใต้ความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ) และภายใต้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ (เดือน ม.ค.-มิ.ย.) ว่ามีมูลค่า40,244 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 34.34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตสอดคล้องกับการส่งออกรวมของไทย เพราะเศรษฐกิจโลก และคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com