MTS Help Center

โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 353,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่สัปดาห์ก่อนถูกปรับทบทวนขึ้นมาที่ 349,000 ราย
สำหรับยอดการเข้ารับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ต่อเนื่องปรับลดลงมาราวๆ 3,000 ราย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับ 2.86 ล้านราย

ประมาณการณ์จีดีพี Q2/2021 ครั้งที่ 2

ออกมาดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่ 6.6% แต่ก็ยังน้อยกว่าที่คาดการณ์ว่าจะออกมา 6.7% ทางด้าน

ยอดขายรถยนต์สหรัฐฯปรับตัวลดลง -14.3% ในเดือนส.ค. จากปัญหาด้านอุปทานที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง

- สถานการณ์ตึงเครียดในอัฟกานิสสถาน หลังมีรายงานกลุ่มก่อการร้าย ISIS สังหารพลเมืองอัฟกานิสถานและทหารสหรัฐฯรวมแล้วไม่น้อยกว่า 13 ราย ด้วยการใช้มือระเบิดพลีชีพ 2 ราย บริเวณสนามบิน ณ กรุงคาบูล

- “ไบเดน” ลั่น การอพยพพลเมืองสหรัฐฯในอัฟกานิสถานเสร็จสิ้นแล้ว จากนี้จะเป็นการล่าผู้นำ ISIS หลังเกิดเหตุโจมตี ณ กรุงคาบูล ที่ส่งผลให้มีพลเรือนชาวสหรัฐฯและอัฟกานิสถาน รวมไปถึงทหารและเจ้าหน้าที่บริการสหรัฐฯหลายรายเสียชีวิต

· ขณะที่ปัจัยลบ กดดันทองคำยังมีอยู่ ดังนี้ 

- ดอลลาร์แข็งค่ากลับมาแถว 93 จุดอีกครั้ง

- “นายโรเบิร์ต เคพแลนด์” ประธานเฟดสาขาดัลลัส ไม่คิดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับดอกเบี้ยไปจนถึงปี 2022 และการดำเนินการที่น่าจะเห็นโดยเร็วที่สุดคือเรื่อง Tapering QE แต่ก็จะเป็นการดำเนินการที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น รวมถึงเฟดจะอดทนรอต่อหนทางในการดำเนินการเรื่องดอกเบี้ย           

- นักลงทุนปิด-ลดสถานะก่อนทราบถ้อยแถลงของ “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด ในคืนนี้ 

- นักลงทุนเฝ้ารอว่าประธานเฟดจะส่งสัญญาณยุติ QE ที่ใช้สนับสนุนในการประชุมธนาคารกลางประจำปีคืนนี้หรือไม่

· ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปแล้วราว 1.2% เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสำคัญทางจิตวิทยา 1,800 เหรียญ อันเนื่องจาก “ดอลลาร์” เป็นสาเหตุสำคัญ

· นักวิเคราะห์จาก CPM Group กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่นักลงทุนส่วนใหญ่จะมองหาสัญญาณจากเฟดในเรื่องเศรษฐกิจ และโอกาสทำ Tapering QE ว่าจะเกิดขึ้นในปีหน้า หรืออีก 2 ปี เป็นผลต่อการเคลื่อนไหวต่อตลาดทองคำในเวลานี้

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นในอัฟกานิสถานกับสหรัฐฯจากเหตุระเบิดพลีชีพที่สนามบินกรุงคาบูล สะท้อนถึงการกระทำที่ซับซ้อน ที่ส่งผลให้มีทั้งผู้บาดเจ็บและล้มตาย

· นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA ระบุว่า ทองคำกำลังชะลอตัวจากสภาวะการจะถอนมาตรการ QE ของเฟด แต่โอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยยังเป็นไปได้ยากจาก “ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ” รวมไปถึงอุปสงค์ทองคำบางส่วนที่เพิ่มกลับมาในตลาดและเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ

· ซิลเวอร์ปิด -1.4% ที่ 23.52 เหรียญ

· แพลทินัมปิด -1.7% ที่ 979.53 เหรียญ

· พลาเดียมปิด -1.3% ที่ 2,397.67 เหรียญ

· รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุถึง มุมมองนักวิเคราะห์ต่อการปราบปรามภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีน กระทบต่อตลาดสินเชื่อ และภาคธนาคาร “เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจ” ตามมาได้

· COVID-19 UPDATES:

ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกทะลุ 215 ล้านราย โดยวานนี้ยังพบผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกรวมกว่า 700,000 ราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมเข้าใกล้ 4.5 ล้านราย

· ยอติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว แม้จะเห็นตัวเลขยอดเสียชีวิตใหม่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

โดยเฉลี่ยพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มราว 11% ในสัปาห์ที่แล้ว หลังช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีอัตราการติดเชื้อเพิ่ม 30%

· รายงานผลการศึกษาปัญหา Covid-19 พบว่า ความเสี่ยงภาวะลิ่มเลือดไม่ได้เป็นผลมาจากวัคซีน แต่เป็นผลจากไวรัส Covid

· ไทยครองอันดับ 12 ติดเชื้อใหม่สะสมของโลก

ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,139,574 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 10,587 รายแล้ว

ขณะที่ภาพรวมขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของยอดติดเชื้อใหม่รายวันที่เพิ่มมากสุดในแถบเอเชีย

รายงานการฉีดวัคซีนในไทย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 21,669,955 ราย (จำนวนผู้ได้รับวัคซีนทั้งหมด)

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 6,596,785 ราย (จำนวนผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์)

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 568,840 ราย

· “เงินบาท” เปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 32.76 บาท/ดอลลาร์

โดยระยะสั้นเงินบาทยังเคลื่อนไหวแข็งค่าจากความหวังลุ้นคลาย Lockdown แต่ภาพรวมก็ยังมีความผันผวนในเชิงอ่อนค่าได้ จาก 3 ปัจจัย
1. กรณีเฟดส่งสัญญาณทยอยลดการเข้าซื้อพันธบัตรหรือ QE ในปีนี้อย่างชัดเจน
2. ดอลลาร์แข็งค่า
3. ความไม่มั่นใจการตรวจเชิงรุกกดยอดผู้ติดเชื้อลดลงได้จริง

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทของวันนี้ไว้ที่ระหว่าง 32.65 - 32.90 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวานนี้เงินบาทผันผวน เคลื่อนไหวขึ้นลงตลอดวันตามแรงซื้อขายดอลลาร์ ปัจจัยที่ทั้งในประเทศและภูมิภาครอ คือการประชุมของเฟด ที่ Jackson Hole

· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- สาธารณสุขไทย เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ศบค.วันนี้ ผ่อนคลายมาตรการให้กิจการที่มีความเสี่ยงน้อย และมีความสำคัญ สามารถดำเนินกิจการต่อได้ เช่น การนั่งรับประทานอาหารในร้านอาหาร กิจการกลางแจ้งและการเดินทางข้ามจังหวัดโดยเครื่องบิน โดยเพิ่มมาตรการไม่ให้ติดเชื้อและแพร่เชื้อ คือ COVID Free Program หลังแนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง

ขณะที่ที่ประชุม ศปก.ศบค.เมื่อวานนี้ มีมติเห็นชอบให้เสนอเปิดกิจการห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สนามกีฬา สวนสาธารณะ แต่ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข

- รมช.ศึกษาธิการ คาดฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียนอายุ 12-18 ปี จำนวนกว่า 4 ล้านคน ได้หลังจากเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติ โดยขณะนี้สามารถฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรการศึกษาไปแล้วเกือบ 6 แสนคน จากทั้งหมด 9 แสนคน

- ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย มีมติเรื่องกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยจะเริ่มประชุมตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 64 ถึงวันที่ 3 ก.ย. 64 และลงมติในวันที่ 4 ก.ย. 64

· อ้างอิงจากสำนักข่าวผู้จัดการออนไลน์

- ประธานกรรมการหอการค้าไทยฯ เสนอรัฐเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบกว่า1 ล้านล้านบาทในไตรมาส4 ของปี 64 และครึ่งปีแรกของปี 65

เพื่อการเยียวยาเพิ่มกำลังซื้อและการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการนำเม็ดเงินเข้าไปเสริมให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้เร็วขึ้นหลังจากเสียหายจากวิกฤตโควิด3ระลอก ประมาณ 8 แสน ถึง 1 ล้านล้านบาท

พร้อมเสนอ 4 มาตรการประคองเศรษฐกิจยันนโยบายเปิดประเทศ 120 วัน ต้องคลายล็อกทีละจุด หากล่าช้าจะเสียหายเพิ่มขึ้นมหาศาลส่วนการควบคุมการแพร่ระบาดต้องควบคู่กับการเดินหน้าของเศรษฐกิจ มั่นใจปี 65 เศรษฐกิจจะกลับมาดีขึ้นแน่นอน

· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ

- บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย ชี้ ตลาดหุ้นไทยไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับลดขนาด"QE" มากนัก เพราะเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามานั้น จะไปอยู่ที่ตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้น