• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2564

    31 สิงหาคม 2564 | Gold News


ทองขึ้น ดอลลาร์อ่อน ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ

 

·         ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังให้ความสนใจไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด

 

·         ราคาทองคำตลาดโลก +0.5% ที่ระดับ 1,818.46 เหรียญ หลังปิดทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ครึ่งเมื่อวานนี้ ภาพรวมรายเดือนราคาปรับขึ้น 0.2%

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. +0.5% ที่ระดับ 1,820.40 เหรียญ

 

·         ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่การประชุม Jackson Hole เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ให้สัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการทำ Tapering QE

 

·         นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC Bank กล่าวว่า ราคาทองคำอาจจะปรับตัวสูงขึ้นในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงของราคา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจะออกมาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเพียงใด

 

·         อย่างไรก็ตาม แรงกดดันในการเผชิญแรงเทขายจะเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อกระบวนการทำ Tapering QE เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

·         รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้  ตลาดคาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 728,000 คน การว่างงานจะลดลงเหลือ 5.2% จากเดิม 5.4% และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน

 

·         โดยถ้อยแถลงของโพเวลล์ กล่าวว่า หากการเติบโตของงานยังคงดำเนินต่อไป เฟดอาจเริ่มการทำ Papering QE ภายในสิ้นปีนี้

 

·         หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Geojit Financial Services กล่าวว่า กรณีที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาน่าผิดหวัง ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นทะลุระดับสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ และอาจจะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,900 เหรียญ

 

·         ราคาซิลเวอร์ +0.5% ที่ระดับ 24.17 เหรียญ

·         ราคาแพลตินัม +0.5% ที่ระดับ 1,012.01

 

·         ราคาพลาเดียม +0.1% ที่ระดับ 2,496.28 เหรียญ

·         ดอลลาร์ปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ

ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนจับตามองปัจจัยการจ้างงานที่จะประกาศในสัปดาห์นี้เป็นแนวทางคาดการณ์การ Tapering QE ของเฟด

ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ตามผลการสำรวจตัวเลขภาคโรงงานและภาคบริการที่อ่อนตัวลง

นักกลยุทธ์จากบริษัทหลักทรัพย์ Daiwa กล่าวว่า การประกาศตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยเด่นที่ส่งผลต่อการตัดสินใจการ Tapering QE หากตัวเลขที่ออกมาดีจะเพิ่มความคาดหวังว่าเฟด จะส่งสัญญาณในเดือนก.ย.นี้ ก่อนที่จะเกิดการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย.

ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอ จะเสริมความคาดหวังว่าเฟดจะดำเนินการ Tapering QE ช้าโดยไม่ส่งสัญญาณก่อนที่จะเกิดการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย.

ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง ที่ 92.456 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.

ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 1.18315 ดอลลาร์/ยูโร แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์

ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.38010 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนจะปรับตัวลงมาที่ 1.38 ดอลลาร์/ปอนด์

ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวทรงตัวที่ 109.85 เยน/ดอลลาร์

 

·         กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ Magnachip Semiconductor Corp โดยบริษัทไพรเวทอิควิตี้ของจีนทำให้เกิด ความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ” ซึ่งเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งสำหรับบริษัทจีนที่พยายามลงทุนในต่างประเทศ ท่ามกลางวิกฤติด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

 

·         อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสเดือนส.ค.เร่งตัวขึ้นเกินคาด ในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี

โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก.ค. ทำให้อัตราเงินเฟ้อรายปี อยู่ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน.ต.ค 2018 ที่ผ่านมา

 

·         ผลผลิตโรงงานเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นลดลง จากไวรัสกระทบการผลิตรถยนต์

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหดตัวในเดือนก.ค. เนื่องจากการผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของการระบาดไวรัสโคโรนาในเอเชีย ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

กรณีที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ทำให้รัฐบาลต่างๆ ในเอเชียต้องบังคับใช้มาตรการ Lockdown และการควบคุมใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดการหยุดชะงักในการจัดหาชิ้นส่วนทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก

 

·         กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นขออนุมัติงบประมาณประจำปี 2022 ในวงเงิน 5.48 ล้านล้านเยน (4.993 หมื่นล้านเหรียญ) เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรับมือการขยายอิทธิพลทางการทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน

 

 

·         รัฐบาลนิวซีแลนด์รายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ลดลงเป็นวันที่ 2 โดยลดลงเหลือ 49 ราย ท่ามกลางการใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดของประเทศในช่วงการระบาดเดือนนี้


·         ออสเตรเลียได้ขยายเวลาล็อกดาวน์ต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 อย่างเต็มกำลัง


·         โฆษกกลุ่มตาลีบัน เปิดเผยว่า ตาลีบันได้ส่งกองกำลังพิเศษเข้าประจำการที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถานแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่กองกำลังสหรัฐอพยพออกจากสนามบินทั้งหมด

 

·         น้ำมันร่วง จากพายุเฮอริเคนกระทบโรงกลั่นในสหรัฐข้อมูลจีนอ่อนแอ

ราคาน้ำมันร่วงลง ท่ามกลางความกังวลว่าไฟฟ้าดับและน้ำท่วมในรัฐหลุยเซียนาหลังจากพายุเฮอริเคน Ida อาจลดความต้องการน้ำมันดิบลง ขณะเดียวกัน OPEC+ วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต

โดยราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากข้อมูลการผลิตของจีนที่อ่อนแอลง ซึ่งกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมของเดือนส.ค.ขยายตัวในอัตราที่ช้าลง เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 0.13% ที่ระดับ 69.12 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวาน

สัญญาน้ำมันดิบ ฺBrent เดือนต.ค. ที่จะหมดอายุลงวันนี้ ปรับลดลง เซนต์ หรือ 0.11% ที่ระดับ 73.33 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% เมื่อวาน


·         หุ้นจีนเคลื่อนไหวผสมผสาน หลังข้อมูลการผลิตเดือนส.ค.เริ่มชะลอลง



โดยดัชนี Shanghai composite +0.45% ปิดที่ 3,543.94 จุด ด้านดัชนี Shenzhen component -0.659% ที่ระดับ 14,328.38 จุด

กิจกรรมโรงงานของจีนเดือนส.ค.เติบโตในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า  โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอยู่ที่ 50.1 เทียบกับเดือนก.ค.ที่ 50.4

ขณะเดียวกัน PMI ที่ไม่ใช่การผลิตเดือนส.ค.อยู่ที่ 47.5 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ที่เป็นระดับบ่งชี้ถึงการเติบโต และยังต่ำกว่า 53.3 ของเดือนก่อนหน้าด้วย

ดัชนี Nikkei +1.08% ปิดที่ระดับ 28,089.54 จุด

ดัชนี Topix +0.54% ปิดที่ระดับ 1,960.70 จุด

ดัชนี Kospi +1.75% ปิดที่ระดับ 3,199.27 จุด

ดัชนี  S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย +0.41%

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่ีมขึ้น 1.09%

 

·         หุ้น NetEase ร่วงลง 2.9% ในการซื้อขายช่วงบ่ายในฮ่องกง หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลลดระยะเวลาที่เด็กได้รับอนุญาตให้เล่นเกมลงอย่างมาก โดยจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้ไม่เกินสามชั่วโมงต่อสัปดาห์และเฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น

ขณะเดียวกันหุ้น Tencent ร่วงลงมากกว่า 3% ในช่วงต้น แต่กลับมาเคลื่อนไหวแดนบวกในช่วงบ่ายวันนี้

 

·         แอปเปิล อิงค์ เตรียมผลักดันการใช้งานฟีเจอร์ดาวเทียมในไอโฟน ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อความหรือรายงานอุบัติเหตุได้แม้ไม่มีเครือข่ายระบบเซลลูลาร์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น

 

·         ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังข้อมูลทางเศรษฐกิจจากภูมิภาคและอื่นๆ โดยดัชนี Stoxx600 ปรับตัวสูงขึ้น 0.1% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ได้แก่ หุ้นธนาคาร ประกันภัย สาธารณูปโภค การเดินทาง การพักผ่อน น้ำมันและก๊าซ




ทั้งนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 5.99 จุด แกว่งไซด์เวย์หลังขึ้นแรง-น้ำมันย่อลงช่วงรอโอเปกพลัส

ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,639.76 จุด เพิ่มขึ้น 5.99 จุด (+0.37%) มูลค่าการซื้อขายราว 55,180 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,640.92 จุด และระดับต่ำสุด 1,628.12 จุด

 

- ธปท.เผย ศก.ไทย ก.ค.ได้รับผลกระทบโควิดทำการใช้จ่ายลดลง-ศก.คู่ค้าชะลอตัว

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือน ก.ค.64 ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศลดลง โดยภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว และส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยแผ่วลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันยังเห็นผลกระทบจากปัญหา supply disruption ชัดเจนขึ้นในภาคการผลิต

 

BAY หั่นคาด GDP ปี 64 เหลือโต 0.6% จาก 1.2% อุปสงค์ในปท.-ท่องเที่ยวอ่อนแอลง

วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 ลงเหลือเติบโต 0.6% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ราว 1.2% เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวอ่อนแอลงกว่าที่คาดไว้


สภาผู้แทนราษฎร เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 6 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก5 คน ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดวันอภิปรายไว้ 4 วัน ตั้งแต่ 31 ส.ค.-3 ก.ย.64

 

สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงต่ำกว่าระดับ หมื่นคนต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ล่าสุดเช้านี้ ศบค.รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,666 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต 190 ราย


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com