ทองขึ้น ดอลลาร์อ่อน ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ
· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังให้ความสนใจไปยังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด
· ราคาทองคำตลาดโลก +0.5% ที่ระดับ 1,818.46 เหรียญ หลังปิดทำระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์ครึ่งเมื่อวานนี้ ภาพรวมรายเดือนราคาปรับขึ้น 0.2%
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. +0.5% ที่ระดับ 1,820.40 เหรียญ
· ดัชนีดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ หลังถ้อยแถลงของนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ที่การประชุม Jackson Hole เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ให้สัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับกรอบเวลาในการทำ Tapering QE
· นักเศรษฐศาสตร์จาก OCBC Bank กล่าวว่า ราคาทองคำอาจจะปรับตัวสูงขึ้นในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่รายงานการจ้างงานสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยในการเปลี่ยนแปลงของราคา ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าตัวเลขจะออกมาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเพียงใด
· อย่างไรก็ตาม “แรงกดดันในการเผชิญแรงเทขายจะเริ่มก่อตัวขึ้น เมื่อกระบวนการทำ Tapering QE เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ”
· รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนส.ค.ในวันศุกร์นี้ ตลาดคาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 728,000 คน การว่างงานจะลดลงเหลือ 5.2% จากเดิม 5.4% และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
· โดยถ้อยแถลงของโพเวลล์ กล่าวว่า หากการเติบโตของงานยังคงดำเนินต่อไป เฟดอาจเริ่มการทำ Papering QE ภายในสิ้นปีนี้
· หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Geojit Financial Services กล่าวว่า กรณีที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาน่าผิดหวัง ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นทะลุระดับสูงสุดเมื่อเร็วๆ นี้ และอาจจะปรับขึ้นไปถึงระดับ 1,900 เหรียญ
· ราคาซิลเวอร์ +0.5% ที่ระดับ 24.17 เหรียญ
· ราคาแพลตินัม +0.5% ที่ระดับ 1,012.01
· ราคาพลาเดียม +0.1% ที่ระดับ 2,496.28 เหรียญ
· ดอลลาร์ปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ
ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์เทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยนักลงทุนจับตามองปัจจัยการจ้างงานที่จะประกาศในสัปดาห์นี้เป็นแนวทางคาดการณ์การ Tapering QE ของเฟด
ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ตามผลการสำรวจตัวเลขภาคโรงงานและภาคบริการที่อ่อนตัวลง
นักกลยุทธ์จากบริษัทหลักทรัพย์ Daiwa กล่าวว่า การประกาศตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยเด่นที่ส่งผลต่อการตัดสินใจการ Tapering QE หากตัวเลขที่ออกมาดีจะเพิ่มความคาดหวังว่าเฟด จะส่งสัญญาณในเดือนก.ย.นี้ ก่อนที่จะเกิดการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย.
ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาอ่อนแอ จะเสริมความคาดหวังว่าเฟดจะดำเนินการ Tapering QE ช้าโดยไม่ส่งสัญญาณก่อนที่จะเกิดการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนพ.ย.
ดัชนีดอลลาร์ปรับอ่อนค่าลง ที่ 92.456 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.
ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.3% ที่ 1.18315 ดอลลาร์/ยูโร แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
ค่าเงินปอนด์ปรับแข็งค่าทำระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1.38010 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนจะปรับตัวลงมาที่ 1.38 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวทรงตัวที่ 109.85 เยน/ดอลลาร์
· กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการ Magnachip Semiconductor Corp โดยบริษัทไพรเวทอิควิตี้ของจีนทำให้เกิด “ความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ” ซึ่งเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งสำหรับบริษัทจีนที่พยายามลงทุนในต่างประเทศ ท่ามกลางวิกฤติด้านอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
· อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสเดือนส.ค.เร่งตัวขึ้นเกินคาด ในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี
โดยดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก.ค. ทำให้อัตราเงินเฟ้อรายปี อยู่ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน.ต.ค 2018 ที่ผ่านมา
· ผลผลิตโรงงานเดือนก.ค.ของญี่ปุ่นลดลง จากไวรัสกระทบการผลิตรถยนต์
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นหดตัวในเดือนก.ค. เนื่องจากการผลิตรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวของการระบาดไวรัสโคโรนาในเอเชีย ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
กรณีที่เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ทำให้รัฐบาลต่างๆ ในเอเชียต้องบังคับใช้มาตรการ Lockdown และการควบคุมใหม่ ซึ่งก่อให้เกิดการหยุดชะงักในการจัดหาชิ้นส่วนทั่วทั้งภูมิภาค ส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก
· กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นขออนุมัติงบประมาณประจำปี 2022 ในวงเงิน 5.48 ล้านล้านเยน (4.993 หมื่นล้านเหรียญ) เพื่อเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ และส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรับมือการขยายอิทธิพลทางการทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน
· รัฐบาลนิวซีแลนด์รายงานยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ลดลงเป็นวันที่ 2 โดยลดลงเหลือ 49 ราย ท่ามกลางการใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดของประเทศในช่วงการระบาดเดือนนี้
· ออสเตรเลียได้ขยายเวลาล็อกดาวน์ต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่รัฐบาลเดินหน้าสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 อย่างเต็มกำลัง
· โฆษกกลุ่มตาลีบัน เปิดเผยว่า ตาลีบันได้ส่งกองกำลังพิเศษเข้าประจำการที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ในกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถานแล้วในวันนี้ ซึ่งเป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่กองกำลังสหรัฐอพยพออกจากสนามบินทั้งหมด
· น้ำมันร่วง จากพายุเฮอริเคนกระทบโรงกลั่นในสหรัฐ, ข้อมูลจีนอ่อนแอ
ราคาน้ำมันร่วงลง ท่ามกลางความกังวลว่าไฟฟ้าดับและน้ำท่วมในรัฐหลุยเซียนาหลังจากพายุเฮอริเคน Ida อาจลดความต้องการน้ำมันดิบลง ขณะเดียวกัน OPEC+ วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต
โดยราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากข้อมูลการผลิตของจีนที่อ่อนแอลง ซึ่งกิจกรรมด้านอุตสาหกรรมของเดือนส.ค.ขยายตัวในอัตราที่ช้าลง เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 0.13% ที่ระดับ 69.12 เหรียญ/บาร์เรล ลดลงเล็กน้อยจากเมื่อวาน
สัญญาน้ำมันดิบ ฺBrent เดือนต.ค. ที่จะหมดอายุลงวันนี้ ปรับลดลง 8 เซนต์ หรือ 0.11% ที่ระดับ 73.33 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% เมื่อวาน
· หุ้นจีนเคลื่อนไหวผสมผสาน หลังข้อมูลการผลิตเดือนส.ค.เริ่มชะลอลง
โดยดัชนี Shanghai composite +0.45% ปิดที่ 3,543.94 จุด ด้านดัชนี Shenzhen component -0.659% ที่ระดับ 14,328.38 จุด
กิจกรรมโรงงานของจีนเดือนส.ค.เติบโตในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอยู่ที่ 50.1 เทียบกับเดือนก.ค.ที่ 50.4
ขณะเดียวกัน PMI ที่ไม่ใช่การผลิตเดือนส.ค.อยู่ที่ 47.5 ซึ่งต่ำกว่าระดับ 50 ที่เป็นระดับบ่งชี้ถึงการเติบโต และยังต่ำกว่า 53.3 ของเดือนก่อนหน้าด้วย
ดัชนี Nikkei +1.08% ปิดที่ระดับ 28,089.54 จุด
ดัชนี Topix +0.54% ปิดที่ระดับ 1,960.70 จุด
ดัชนี Kospi +1.75% ปิดที่ระดับ 3,199.27 จุด
ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย +0.41%
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่ีมขึ้น 1.09%
· หุ้น NetEase ร่วงลง 2.9% ในการซื้อขายช่วงบ่ายในฮ่องกง หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลลดระยะเวลาที่เด็กได้รับอนุญาตให้เล่นเกมลงอย่างมาก โดยจะได้รับอนุญาตให้เล่นเกมออนไลน์ได้ไม่เกินสามชั่วโมงต่อสัปดาห์และเฉพาะในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น
ขณะเดียวกันหุ้น Tencent ร่วงลงมากกว่า 3% ในช่วงต้น แต่กลับมาเคลื่อนไหวแดนบวกในช่วงบ่ายวันนี้
· แอปเปิล อิงค์ เตรียมผลักดันการใช้งานฟีเจอร์ดาวเทียมในไอโฟน ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อความหรือรายงานอุบัติเหตุได้แม้ไม่มีเครือข่ายระบบเซลลูลาร์เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย โดยเหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังข้อมูลทางเศรษฐกิจจากภูมิภาคและอื่นๆ โดยดัชนี Stoxx600 ปรับตัวสูงขึ้น 0.1% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ได้แก่ หุ้นธนาคาร ประกันภัย สาธารณูปโภค การเดินทาง การพักผ่อน น้ำมันและก๊าซ
ทั้งนี้ ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ตลาดหุ้นไทยปิดบวก 5.99 จุด แกว่งไซด์เวย์หลังขึ้นแรง-น้ำมันย่อลงช่วงรอโอเปกพลัส
ตลาดหลักทรัพย์ฯปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,639.76 จุด เพิ่มขึ้น 5.99 จุด (+0.37%) มูลค่าการซื้อขายราว 55,180 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,640.92 จุด และระดับต่ำสุด 1,628.12 จุด
- ธปท.เผย ศก.ไทย ก.ค.ได้รับผลกระทบโควิดทำการใช้จ่ายลดลง-ศก.คู่ค้าชะลอตัว
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงภาวะเศรษฐกิจในเดือน ก.ค.64 ว่า เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายในประเทศลดลง โดยภาครัฐยังมีบทบาทสำคัญในการพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่เศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว และส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยแผ่วลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันยังเห็นผลกระทบจากปัญหา supply disruption ชัดเจนขึ้นในภาคการผลิต
- BAY หั่นคาด GDP ปี 64 เหลือโต 0.6% จาก 1.2% อุปสงค์ในปท.-ท่องเที่ยวอ่อนแอลง
วิจัยกรุงศรี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 ลงเหลือเติบโต 0.6% จากเดิมคาดว่าจะเติบโตได้ราว 1.2% เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศและภาคการท่องเที่ยวอ่อนแอลงกว่าที่คาดไว้
- สภาผู้แทนราษฎร เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคล 6 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก5 คน ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนดวันอภิปรายไว้ 4 วัน ตั้งแต่ 31 ส.ค.-3 ก.ย.64
- สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เริ่มลดลงต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นคนต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว ล่าสุดเช้านี้ ศบค.รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,666 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต 190 ราย