• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 3 กันยายน 2564

    3 กันยายน 2564 | SET News


นายกฯญี่ปุ่นตัดสินใจ “ลาออก” หนุน “Nikkei” พุ่ง – Topix ทำสูงสุดรอบ 30 ปี

นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ดำรงตำแหน่งผู้นำได้เพียง 1 ปี ก็ประกาศตัดสินใจเตรียมลาออก หลังคะแนนนิยมลดลงหนัก จากสถานการณ์จัดการ Covid-19 ที่ย่ำแย่ ก่อนเกิดการเลือกตั้งทั่วไปของญี่ปุ่ในปีนี้ และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไม่อาจไปต่อในศึกเลือกตั้งผู้นำนำพรรค LDP เดือนก.ย. ได้


จึงส่งสัญญาณว่าอาจเห็นการเลือกผู้นำพรรคคนใหม่ ที่อาจกลายมาเป็น “นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น” คนต่อไปด้วย


ทั้งนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นได้ในการซื้อขายวันนี้ นำโดยดัชนี Topix ที่ปรับขึ้นทำสูงสุดรอบ 3 ทศวรรษ ขานรับข่าวดังกล่าว เนื่องจากการลาออกของนายซูงะ อาจเป็นการ “เปิดทาง” ให้รัฐบาลชุดใหม่ และอาจได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น


สำนักข่าว Kyodo รายงานว่า “นายซูงะ” จะทำการลาออกจากตำแหน่งนายกฯ คนปัจจุบัน รวมถึงบทบาทหัวหน้าพรรคการเมืองของเขา และ “จะไม่ทำการลงชิงตำแหน่งผู้นำพรรค” คนใหม่ สำหรับศึกเลือกตั้งในเดือนก.ย.นี้

ระหว่างวัน ดัชนี Nikkei ปรับขึ้นทำสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนี Topix ขยับแรงกว่า 1.7ทำสูงสุดตั้งแต่เม.ย. ปี 1991 บริเวณ 2,017 จุด


ดัชนี Nikkei 225 ปิด +2.05% ที่ระดับ 29,128.11 จุด

 


ดัชนี Topix  ปิด +1.61% ที่ระดับ 2,015.45 จุด


 




·         ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนพุ่งเหนือ 1 ล้านล้านเหรียญ ท่ามกลางการลงทุนในสินทรัพย์อื่นลดน้อยลง

 

·         จีนจะสร้างตลาดหลักทรัพย์แห่งใหม่ในกรุงปักกิ่ง เพื่อให้เมืองหลวงจีนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมืองที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก รวมทั้งเรื่องธุรกิจและภาคการเงินด้วย

 

·         บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน “เทคโนโลยี” ในจีน ทุ่มเงินหลายพันล้านสนับสนุนวิสัยทัศน์ของ “นายสี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน สำหรับการส่งเสริม “ความรุ่งเรืองร่วมกัน”

 

·         หุ้นอินเดียปิดทำสูงสุดประวัติการณ์จากหุ้น Reliance Industries เผยยอดขายสูง ขณะที่ตลาดจับตาข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯคืนนี้เช่นกัน

 

หุ้นอินเดียวันนี้เคลื่อนไหวทำ All-Time High และดัชนี NSE Nifty 50 ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Blue-Chip ก็ปรับขึ้นได้ราว 0.07% ที่ระดับ 17,246.25 จุด “ทำภาพรายสัปดาห์ดีที่สุดตั้งแต่ต้นเดือนก.พ.”

ดัชนี S&P BSE Sensex ปรับขึ้น 0.05% ที่ 57,880.10 จุด

ภาพรวมตลาดหุ้นเอเชียมีการปรับขึ้น ท่ามกลางนักลงทุนที่กำลังรอจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้กรอบเวลาการดำเนินการของเฟดได้ในการที่จะทำ Tapering QE


 

·         ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดญี่ปุ่นปรับขึ้น 0.1%


ตลาดหุ้นจีนปรับลงนำโดย ดัชนี Shanghai composite ปิด -0.55%


ดัชนี Shenzhen component ปิด -0.769%.


Caixin/Markit เผยดัชนีด PMI ภาคบริการจีน เดือนส.ค. ออกมาแย่กว่าคาดแตะ 46.7 จุด หดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปี 2020


ดัชนี Hang Seng Index ปิด -0.89%.


ท่ามกลางหุ้นบริษัท Alibaba ที่ปรับตัวลดลงไปกว่า 3% หลังรายงานบริษัทกำหนดแผนการลงทุน 1 แสนล้านหยวน (1.55 หมื่นล้านเหรียญ) ภายในปี 2025 ตามแนวทาง “รุ่งเรืองร่วมกัน”


ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ปิด +0.84%


ดัชนี S&P/ASX200 ของออสเตรเลียปิด +0.5% ที่ 7,522.90 จุด



 ·         หุ้นยุโรปเปิดในแดนลบ ท่ามกลางตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซนและสหรัฐฯในวันนี้

ดัชนี Stoxx 600 เปิดร่วง -0.2% ช่วงต้นตลาด
ท่ามกลางหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับร่วงลงนำตลาด แม้จะเห็นกลุ่มสาธารณูปโภคเคลื่อนไหว +0.2
%

  


ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของทางฝั่งยุโรป
- ข้อมูล
 PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยุโรปในเดือนส.ค. ทั้งจากฝรั่งเศส, เยอรมนี และยูโรโซน

- การเปิดเผยแผนสาธารณสุขของอังกฤษ ที่จะสะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจประเทศอังกฤษในวันนี้


·         ดัชนีอนุพันธุ์สหรัฐฯทรงตัวก่อนทราบข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯ

 ดัชนี Dow Jones Futures ปรับขึ้นราว 6 จุด

ดัชนี S&P 500 Futures ปรับขึ้น 0.05%

ดัชนี Nasdaq 100 Futures เคลื่อนไหวทรงตัว


·         อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

'กรุงไทยจับตา'เงินบาทพลิกกลับมา 'แข็งค่าสูงสุดในรอบ 2 เดือน
อันเป็นผลมาจากแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังคงเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยกว่า 3.9 พันล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีแรงซื้อบอนด์สุทธิกว่า 6 พันล้านบาท โดยที่น่าสนใจคือ ราว 4.3 พันล้านบาท เป็นการซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้น ซึ่งอาจสะท้อนภาพการเก็งกำไรค่าเงินบาท

นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาท อาจจะยังได้แรงหนุนจากการปรับมุมมองของผู้ส่งออก จากเดิมที่รอคอยขายเงินดอลลาร์ที่ระดับใกล้ 
32.80 บาท/ดอลลาร์ เมื่อเห็นว่าแนวโน้มเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ก็เริ่มมีโฟลว์มาขายเงินดอลลาร์บ้าง แต่เชื่อว่า ผู้ส่งออกยังไม่ถึงขั้น panic sell แต่ภาวะดังกล่าวก็อาจเกิดขึ้นได้ หากเงินบาทแข็งค่าทะลุ 32 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็วนั้น ก็ถือว่าเร็วกว่าที่เราเคยประเมินไว้ โดยเรามองว่า เงินบาทยังมีปัจจัยช่วยหนุนการแข็งค่าจากความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการ Lockdown โดยมีโอกาสเห็นเงินบาทแกว่งตัวในกรอบ 32.10-32.30 บาทต่อดอลลาร์ได้ในวันพรุ่งนี้(ก.ย.)  ซึ่งต้องรอลุ้นตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ ด้วย เพราะหากยอดการจ้างงานในสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าคาด เงินดอลลาร์ก็อาจพอมีแรงหนุน ไม่ให้อ่อนค่าลงต่อ

- สถาบันจับมือต่างชาติไล่ซื้อหุ้นไทย

แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (3 ก.ย.) นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสผันผวน หลังจากวันนี้แรงซื้อของหุ้นในกลุ่มส่งออกผลักดันให้ดัชนีขึ้นมาได้ดี จึงมีโอกาสที่จะพักตัว พร้อมให้แนวรับ 1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด


·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

 - ค่าเงินบาทวันนี้ (3 ก.ย.) แข็งค่าที่ 32.40 บาท

ทั้งนี้ การขับเคลื่อนตลาดช่วงนี้มาจากปัจจัยที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา ระบุว่าเฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะเห็นสัญญาณของเงินเฟ้อ

ขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องจากการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกและการขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดโควิด-19

นอกจานี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สั่งให้กระทรวงพลังงานดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้มีน้ำมันและก๊าซเพียงพอ

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตยูโรโซนพุ่งสู่ระดับสูงสุดที่ 12.1% ต่อปี (YoY)


นอกจากนี้ จับตาลงมติไม่ไว้วางใจ ชาวบ้านลุ้น…เปลี่ยนแปลงเกมการเมืองไทย


ด้านจีนประกาศจะจัดตั้งตลาดหุ้นปักกิ่งเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนและอัตราว่างงานสหรัฐฯ และยอดค้าปลีกยูโรโซน


 - คลังอนุมัติ สปป.ลาว ออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท ภายใน พ.ค. 65


- หุ้นไทยวันนี้ (3 ก.ย.) ปิดตลาดภาคเช้า +3.42 จุด ซื้อขาย 4.5 หมื่นล้าน


- หุ้นไทยแกว่งตัว 1,625-1,645 จุด เจอภาวะ “ซื้อมากเกินไป” ระวังแรงขายลดเสี่ยง

บล.กรุงศรีชี้หุ้นไทยวันนี้แกว่งตัว 1,625-1,645 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาด ขณะที่ฟันด์โฟลว์เริ่มชะลอตัวบวกภาวะ “ซื้อมากเกินไป” กับแรงเทขายลดความเสี่ยงจะกดดันให้ดัชนีอ่อนตัวลง อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ติดตามสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ส.ค.



·         อ้างอิงจาก Brand Inside

แนวโน้มหุ้นไทยเข้านี้บวกอ่อนรอตัวเลขจ้างงานสหรัฐ-จับตาการเมืองในปท.

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนบวก หรืออาจไม่ปรับขึ้นหรือลงแรง แกว่งแคบบริเวณ 1,650 จุด หลังหุ้นบิ๊กแคปขึ้นไปพอควร และรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด อีกทั้งสถานการณ์การเมืองไทยมีความเสี่ยง แต่ดอลลาร์อ่อนค่าหนุนเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้าตลาดเอเชียที่underperform ตลาดสหรัฐ-ยุโรป ให้แนวรับ 1,643 จุด แนวต้าน 1,655 จุด


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com