MTS Help Center

 

·         ราคาทองคำปรับตัวลดลง ถูกกดดันจากแข็งค่าของดอลลาร์และตลาดหุ้นที่แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่เฟดยังคงนโยบายเชิงผ่อนคลาย

 

·         ราคาทองคำตลาดโลก -0.3% ที่ระดับ 1,817.51 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. -0.8% ที่ระดับ 1,819.20 เหรียญ

·         ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1%

·         หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ Geojit Financial Services กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานหลายอย่างยังคงกดดันราคาทองคำ ท่ามกลางผู้คนที่มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ทำให้เหล่านักลงทุนมีแนวโน้มที่จะลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงแทน

·         ข้อมูลงานสหรัฐฯที่ออกมาน่าผิดหวังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จุดประกายความคาดหวังที่ว่าเฟดอาจชะลอการทำ Tapering QE ออกไปก่อนและหนุนให้ทองคำปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง แต่ยังผลักดันให้เหล่านักลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้น

 

·         ทางด้านข้อมูลการค้าของจีนที่แสดงให้เห็นว่า ยอดการส่งออกและการนำเข้าในเดือนส.ค.เติบโตเร็วกว่าที่คาด จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนความเชื่อมั่นให้กับสินทรัพย์เสี่ยง

 

·         ขณะที่เหล่านักลงทุนกำลังให้ความสนใจไปยังการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการเริ่มต้นหารือทำ Tapering QE  ท่ามกลางเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวแข็งแกร่งในเวลานี้

 

·         หุ้นส่วนผู้จัดการประจำ SPI Asset Management กล่าวว่า 2 ธนาคารกลางอย่างเฟดและอีซีบี เดินหน้าที่จะทำการ Tapering QE แต่ขณะเดียวกันทั้ง 2 แห่งก็ยังดูจะผ่อนคลายทางการเงินต่อด้วยการยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่เมื่อไรก็ตามที่เฟดเลิกคงดอกเบี้ยระดับต่ำ จะเป็นปัจจัยที่มาทำให้ราคาทองคำปรับลดลง

 

·         นักกลยุทธ์ Société Générale คาดโอกาสทองขึ้นต่อไปแตะ 1,916 - 1,932 เหรียญ หากผ่าน 1,835 เหรียญ

ทองคำอ่อนตัวกลับลงมาบริเวณ 1,815 เหรียญ หลังจากไม่สามารถยืนเหนือ 1,830 เหรียญ แต่ทองคำยังจำเป็นต้องผ่าน 1,835 เหรียญ

แนวรับแรกของทองคำจะอยู่บริเวณ 1,790 เหรียญ และ 1,780 เหรียญ  ในขณะที่แนวต้านจะอยู่ที่ 1,835 เหรียญ ถ้าผ่านไปได้มีโอกาสแตะ 1,885 เหรียญ  และถ้า Breakout เหนือระดับดังกล่าวไปแตะสูงสุดช่วงเดือนมิ.ย. ที่ 1,916 - 1,932 เหรียญ

·         ราคาซิลเวอร์ -0.6% ที่ระดับ 24.53 เหรียญ

·         ราคาแพลตินัม -0.3% ที่ระดับ 1,015.55 เหรียญ

·         ราคาพลาเดียม -0.1% ที่ระดับ 2,407.91 เหรียญ

 

·         สมาชิกบีโออี กล่าวหนุนการขึ้นดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปีหน้า หากเศรษฐกิจยังโตต่อเนื่อง และเงินเฟ้อกลายมาตึงตัว

·         นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะหารือการขึ้นภาษีกับฝ่ายนิติบัญญัติในวันนี้ เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขระบบการดูแลสังคม แม้ว่าสมาชิกหลายคนในพรรคจะไม่พอใจที่เขาต้องการขึ้นภาษีเพื่อชดใช้ค่าปรับในการดูแลสังคมก็ตาม

·         การสำรวจจาก Halifax ผู้ให้กู้จำนองของอังกฤษ เผย ราคาบ้านในอังกฤษพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ระดับ 0.7% หลังจากการเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณของแรงผลักดันที่แข็งแกร่งในตลาด แม้ว่าจะหมดช่วงระยะเวลาลดหย่อนภาษีการซื้ออสังหาริมทรัพย์บางส่วนก็ตาม

·         ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีเดือนก.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ระดับ 1.0% หลังจากร่วงลง 3 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าโรงงานต่างๆ ค่อยๆ เอาชนะปัญหาด้านอุปทานซึ่งกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่ปริมาณการผลิตเพียงอย่างเดียวเพิ่มขึ้น 1.3% เนื่องจากโรงงานเลิกใช้เงินทุนและสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้นผลผลิตจากการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 1.1% ด้านการผลิตในภาคพลังงานลดลง 3.2%

·         จีดีพีจีนได้รับแรงหนุนจากข้อมูลส่งออกส.ค. แกร่งเกินคาด แตะ 25.6% เมื่อเทียบรายปี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 19.3%

·         ข้อมูลค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนญี่ปุ่นออกมาแย่กว่าคาดเล็กน้อยในเดือนก.ค. โดยขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบรายปี และมีการปรับทบทวนมิ.ย. 2.9% จาก Covid-19 กระทบกิจกรรมผู้บริโภค

 

·         นายทาโร โคโน รัฐมนตรี Covid-19 อาจเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงสำคัญในการแข่งขันชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนต่อไป

·         ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมวันนี้

ขณะเดียวกัน ยังคงยืนยันแผนการที่จะปรับลดวงเงิน QE ลงสู่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.98 พันล้านเหรียญ) ต่อสัปดาห์จนถึงกลางเดือนก.พ.ปีหน้า

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม มาเลเซียจะเริ่มต้นกระบวนการรักษา Covid-19 ให้เป็นโรคเฉพาะท้องถิ่น ประมาณสิ้นเดือน "ต.ค."

 

ขณะที่ธนาคารกลางมาเลเซียมีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2021 จาก 4% เหลือเพียง 3% เดิมก่อนหน้าคาดไว้ที่ 7.5% และลดลงมาที่ 6%

 

·         อินเดีย 'เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด' ก่อนเกิดการระบาดไวรัสโคโรนาระลอกที่ 3