• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 14 กันยายน 2564

    14 กันยายน 2564 | Gold News


ทองคำขยับขึ้นก่อนทราบข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ

ราคาทองคำขยับขึ้นก่อนทราบข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯคืนนี้ ที่อาจมีสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.3% ที่ 1,792.05 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.1ที่ 1,794.4 เหรียญ

 

·         ตลาดให้ความสนใจกับข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ (CPI) คืนนี้เวลา 19.30น. ประกอบกับตัวเลขเงินค้าปลีกสหรัฐฯคืนวันพฤหัสบดีเวลา 19.30น. เช่นกัน รวมถึงข้อมูลการผลิตอื่นๆที่มีกำหนดการจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้

 

·         ดัชนี CPI มีแนวโน้มจะเห็น “การเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของเงินเฟ้อ” และอาจมีผลต่อการตัดสินใจทำ Tapering QE ของเฟด

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่าข้อมูลเดือนส.ค. จะเห็นเงินเฟ้อขยายตัวได้ 5.4เมื่อเทียบรายปี (เท่าเดิมในเดือนก.ค. ที่ทรงตัวบริเวณ 5.4%)


·         รายงานผลสำรวจของเฟดสาขานิวยอร์ก เผยคาดการณ์ เงินเฟ้อกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯ อาจปรับขึ้นแตะสูงสุดตั้งแต่ปี 2013

 

·         หัวหน้านักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า เฟดกล่าวย้ำถึงเรื่อง “การจ้างงาน” และความ “ไม่กังวล” ในเรื่องเงินเฟ้อ แต่ท่าทีที่เฟดยังคงผ่อนคลายทางการเงินต่อไปยังถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

อย่างไรก็ดี  ถึงแม้ข้อมูลเงินเฟ้อจะออกมาขยายตัวและเป็นบวกต่อทองก็อาจจะยังไม่สามารถทำให้ทองคำเคลื่อนไหวออกจากกรอบมากกว่านี้ ท่ามกลางดอลลาร์ที่ยังแข็งค่า และตลาดให้ความสำคัญกับประชุมเฟดวาระ 21 – 22 ก.ย. ที่จะถึงนี้

 

·         ทองคำ ณ ปัจจุบันยังถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน ดอลลาร์เวลานี้ก็กลายมาอยู่ในสถานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน


·         ดอลลาร์แข็งค่าทำสูงสุดรอบหลายสัปดาห์วานนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ากดดันราคาทองคำ โดยดัชนีดอลลาร์ช่วงต้นตลาดแตะ 92.887 จุด ซึ่งถือเป็นแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 27 ส.ค. ก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาบริเวณ 92.664 จุด

 

·         ถ้อยแถลงประธานเฟดยังเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

- “นางลอเร็ตต้า เมสเตอร์” ประธานเฟดสาขาเคฟแลนด์

กล่าวหนุนเฟดควรเริ่มต้นทำการ
 Tapering QE ในปีนี้
ประสานเสียงกับบรรดาสมาชิกเฟดก่อนหน้าที่สนับสุนนแผนการเริ่มทำการปรับลดแนวทางการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเห็นข้อมูลจ้างานเดือนส.ค. อ่อนแอ


- “นายแพทริค ฮาร์เกอร์” ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย

สนับสนุนการดำเนินการทำ
 Tapering QE เร็วขึ้น โดยคาดหวังว่าบางช่วงของปีนี้จะยังเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะสามารถเริ่มกระบวนการลดนโยบายได้

อย่างไรก็ดี เขามองว่ายังไม่เป็นการเหมาะสมสำหรับคำถามที่ว่า FOMC Meeting ในสัปดาห์หน้านั้นจะมีการประกาศนโยบายดังกล่าวหรือไม่


·         นักวิเคราะห์จาก Citi Research กล่าวว่า ราคาทองคำยังคงเผชิญกับท่าที Hawkish ของสมาชิกเฟด ก่อนจะเข้าสู่การประชุม 21 ก.ย. แต่หากเฟดสร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยท่าที Dovish ก็อาจส่งผลให้ทองคำมีลุ้น Break เหนือ 1,900 เหรียญได้

 

·         ซิลเวอร์ปิดทรงตัวที่ 23.71 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +0.5ที่ระดับ 960.18 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด -2.6% ที่ 2,083.46 เหรียญ หลังจากไปทำต่ำสุดตั้งแต่ส.ค. ปี 2020

 

·         ข้อมูลยอดขาดดุลของรัฐบาลสหรัฐฯเดือนส.ค. ปรับตัวลดลง ท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่ฟื้นตัว

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เผยรายงานข้อมูล Federal Budget Balance ของรัฐบาลสหรัฐฯประจำเดือนส.ค. ที่ออกมาดีขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยติดลบน้อยลงแตะ -1.71 แสนล้านเหรียญ จาก 2 แสนล้านเหรียญเมื่อเทียบกับปีก่อน

 


ทั้งนี้ ยอดขาดดุลของรัฐบาลสหรัฐฯได้รับอานิสงส์เชิงบวกจาก “รายรับ” จากการจัดเก็บภาษีที่ขยายตัวได้รวดเร็วขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่ายสำหรับบรรเทาสถานการณ์ Covid-19

นอกจากนี้ ยอดขาดดุลในเดือนส.ค. ที่อยู่ราว 2.7 ล้านล้านเหรียญ ถือว่าน้อยกว่าคาดการณ์ค่าเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้



อย่างไรก็ดี ยอดขาดดุลล่าสุดยังถือเป็นผลจากการเพิ่มค่าใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯอีก 3.7% สู่ระดับ 4.39 แสนล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณที่ 4.23 แสนล้านเหรียญ


 


·         ส.ส.เดโมแครตจะทำการหาวิธีถอนมาตรการปรับลดภาษีคนรวย-ภาษีบริษัทของนายทรัมป์

 บรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีการยื่นข้อเสนอเมื่อวานนี้ เกี่ยวกับการยกเลิกมาตรการภาษีในยุคของ “นายทรัมป์” เพื่อทำการปรับขึ้นภาษีบริษัทจากปัจจุบันที่ 21% มาเป็น 26.5%


·         ผู้อำนวยการด้านการค้าระหว่าง “สหรัฐฯ-เกาหลีใต้” หารือกันเรื่องความแข็งแกร่งของภาวะห่วงโซ่อุปทาน

 

·         COVID-19 UPDATES:



ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกขยับลงมา โดยติดเชื้อใหม่รวมวานนี้อยู่ที่ประมาณ 415,000 ราย รวมสะสมที่ 226.01 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมทั่วโลกแตะ 4.65 ล้านราย

 

ยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯลดลงจากหลักแสนเหลือเพียง 88,849 รายวานนี้ แต่ภาพรวมก็ยังเป็นจำนวนยอดติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มมากที่สุดของโลก ขณะที่ไทยรั้งอันดับ 9 ของโลกที่มียอดติดเชื้อใหม่เพิ่มรายวันมากสุด

 

 

·         ยอดติดเชื้อสหรัฐฯปรับตัวลดลงหลังผ่านพ้นจุดพีค แต่สถานการณ์ Delta Covid-19 มีการระบาดเพิ่มมากขึ้นในบางรัฐ

มหาวิทยาลัย Johns Hopkins เผย ค่าเฉลี่ยช่วง 7 วัน สำหรับยอดติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯจนถึง 12 ก.ย. ลดลงเหลือประมาณ 144,300 ราย หรือปรับลดลงมา 12% เมื่อเทียบกับ 7 วันก่อนหน้า และลดลงกว่า 14% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่เกิดขึ้นเมื่อ 1 ก.ย. ที่รายงานถึงจำนวนค่าเฉลี่ยช่วง 7 วันสูงถึง 167,600 ราย

 

·         Reuters ยังรายงานถึงวัคซีนจากบริษัท Pfizer อาจได้รับอนุมัติให้สามารถฉีดในเด็กได้ประมาณช่วงสิ้นเดือนหน้า

 

·         บรรดานักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯและนานาชาติ  สรุป ข้อมูลการฉีดกระตุ้นภูมิด้วยวัคซีน Covid-19 ยัง “ไม่เหมาะสม” ในเวลานี้ 

การตรวจสอบโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จนถึง ณ ปัจจุบัน ได้ข้อสรุปว่า ในเวลานี้ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิสำหรับประชาชนทั่วไป เนื่องด้วยวัคซีนที่ได้รับการอนุญาตในสหรัฐฯยังคงมีประสิทธิภาพสุงในการต่อต้านโรคร้ายแรงและการรักษาในโรงพยาบาลที่เกิดจากสายพันธุ์ Delta ที่กระจายอย่างรวดเร็วได้

 

·         ศบค. รายงานสถานการณ์ติดเชื้อ Covid-19 ในไทยเช้านี้ ยังเห็นการลดลงต่อเนื่อง  พบติดเชื้อใหม่เพิ่ม 11,786 ราย เสียชีวิต 136 ราย




ทั้งนี้ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 อยู่ในแนวโน้มขาลง เว้นจังหวัดนนทบุรีที่มีแนวโน้มเพิ่ม  ขณะที่ 8 เขตในกทม. ยังติดเชื้อเกินร้อยราย

 

·         นักบริหารการเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทลุ้นการระบาดโควิดหลังคลายล็อกดาวน์ มองกรอบวันนี้ระหว่าง 32.50 – 32.95 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากโพสต์ทูเดย์

- สถานการณ์โควิดดีขึ้น แนวโน้มหุ้นไทยปรับขึ้นได้เล็กน้อย

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) คาดปัจจัยบวกจากสถานการณ์ Covid-19 ภายในประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้น ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ แต่คาดว่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดระหว่าง 1,630 – 1,640 จุด

อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามความผันผวนที่อาจจะมากข้นจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะ CPI คืนนี้ และข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯช่วงปลายสัปดาห์ รวมไปถึงการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า


หนี้ครัวเรือนไทยทะลุ 90% ระเบิดเวลาเศรษฐกิจไทย

 





·         อ้างอิงจากฐานเศรษฐกิจ

TTB ชี้เศรษฐกิจไทยตก ฉุดการเติบโตของแบงก์ไทย

 

·         อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์

- ส.อ.ท.หนุนรัฐอัดเงิน 4 แสนล้านฟื้น ศก.สิ้นปี แนะตุนอีก 1 ล้านล้านสตาร์ท ศก.ต่อปี 65

 

·         อ้างอิงจากกรุงเทพธุรกิจ

SME-PO การระดมทุนทางเลือกใหม่ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้ SME ไทย เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด



·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

Bitkub ชี้ยุคไฟแนนซ์ 3.0 เงินไม่ใช่กระดาษ เศรษฐกิจดิจิทัลผลักดัน GDP

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com