MTS Help Center

เมื่อคืนนี้ราคาทองคำขยับขึ้นไปทดสอบสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์ได้ที่ระดับ 1,808 เหรียญ โดยได้รับอานิสงส์จาก

- ข้อมูลเงินเฟ้อจุดประกายความไม่แน่นอนของกรอบเวลาเฟดในการทำ Tapering QE
- ดอลลาร์อ่อนค่าลงมาแถว 92.601 จุด อ่อนตัวจากที่ไปทำสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ยูโรปิดทรงตัวที่ 1.1807 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ระหว่างวันร่วงลงหลุด 1.3% ทำต่ำสุดที่ 1.263% ซึ่งเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 24 ส.ค. ปรับลงรับสัญญาณเงินเฟ้ออ่อนตัว โดยเฉพาะ Core CPI ที่ขยายตัวได้เพียง 0.1% น้อยที่สุดตั้งแต่ก.พ.

· ดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ส.ค. ขยายตัวได้น้อยกว่าคาด สะท้อนถึง “สัญญาณเงินเฟ้อ” ที่อาจจะเริ่มต้นชะลอตัวลง

ดัชนี CPI รายปีขยายตัวได้ 5.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ยังถือเป็นรายปีที่ปรับขึ้นสูงประมาณ 13 ปี สะท้อนตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มมีการ “อ่อนตัวลง” ขณะที่ข้อมูลรายเดือนขยายตัวได้ 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ค.

· ราคาทองคำตลาดโลกปิดตลาด +0.6% ที่ 1,803.69 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. วานนี้ปิด +0.7% ที่ 1,807.10 เหรียญ โดยมีบางช่วงขึ้นไปแตะ 1,810 เหรียญได้เมื่อคืนนี้

· ซิลเวอร์ปิด +0.5% ที่ 23.84 เหรียญ

· นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered Bank กล่าวว่า ราคาทองคำสามารถไปเหนือ 1,800 เหรียญได้ จากข้อมูลเงินเฟ้อที่แย่กว่าคาด แต่โดยภาพรวมเงินเฟ้อยังเคลื่อนไหวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และโดยภาพรวมการประกาศทำ Tapering QE ของเฟดน่าจะยังไม่มีแนวโน้มเกิดขึ้นจนกว่าจะถึงเดือน พ.ย. แต่การประชุมที่จะถึงในวันที่ 21 – 22 ก.ย. นี้จะเป็นเพียง “การแนะนำ” หรือเกริ่นมุมมองคาดการณ์ของบรรดาสมาชิกเฟด หรือ “Dots Plot” สำหรับปี 2024 ที่อาจสะท้อนถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้มากถึง 2 ครั้งในปี 2023

· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ระบุว่า ข้อมูลเงินเฟ้อที่พลาดเป้านั้น ถือเป็น “ข่าวดี” สำหรับทองคำ เพราะจะทำให้แนวโน้มที่เฟดต้องประกาศทำ Tapering QE นั้นลดน้อยลงไป

· Reuters แนะจับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่าเฟดจะทำการประกาศ Tapering QE หรือไม่

บรรดาสมาชิกเฟดหหลายรายดูจะมีสัญญาณบ่งชี้และสนับสนุนให้ทำการลดการเข้าซื้อพันธบัตรภายในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ก็ยังไม่มีการระบุถึงว่าจะเกิดการขึ้นดอกเบี้ยได้เมื่อไร

สำหรับ การทำ Tapering QE ของเฟด ดูจะให้อานิสงส์เชิงบวกต่อค่าเงิน “ดอลลาร์” เพราะถือเป็นหนึ่งก้าวสำคัญที่เฟดกลับมาใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน หรือสะท้อนว่าเฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ในสัดส่วนที่ลดลง จึงจะช่วยส่งเสริมการลดการหมุนเวีนของดอลลาร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

· ทำเนียบขาวค่อนข้างพอใจต่อข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ แต่ยังมีความวิตกกังวลต่อราคาบ้านที่ยังอยู่ในระดับสูง

· ราคาพลาเดียมปิด -5.4% ที่ 1,973.47 เหรียญ ต่ำสุดตั้งแต่ก.ค. ปี 2020
ภาพรวมราคาพลาเดียมเดือนก.ย. ปรับตัวลดลงมาแล้วเกือบ 20%

· ราคาแพลทินัมปิด -2.1% ที่ 941.06 เหรียญ

· บรรดานักวิเคราะห์มองว่า “ภาวะห่วงโซ่อุปทาน” ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะกลุ่มชิปและการผลิตรถยนต์ ดูจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มของสินค้าแพลทินัม ด้วยและจะเป็นอุปสรรคที่เข้ากดดันราคาต่อไป

· แผนภาษีของเดโมแครตอาจช่วยลดการเก็บภาษีของประชาชนส่วนใหญ่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยกว่า 200,000 ต่อปี จนถึงปี 2025 ภายใต้แผนการลงทุนภายในประเทศในฉบับโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3.5 ล้านล้านเหรียญ

· Financial Times รายงานว่า “ไบเดน” ล้มเหลวที่จะบรรลุข้อตกลงด้านความมั่นคงกับ “สี” หลังการต่อสายตรงหากันในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ทางทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวในภายหลัง

· อัตราว่างงานเกาหลีใต้เดือนส.ค. ปิดร่วงแตะต่ำสุดประวัติการณ์

· ผลสำรวจ Reuters Tankan ชี้ บรรดากลุ่มผู้ผลิตในญี่ปุ่น มีความเชื่อมั่นลดลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 5 เดือนในเดือนก.ย.

· รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าภาคการผลิตเดือนส.ค. ขยายตัวได้ 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน

· น้ำมันดิบไม่เปลี่ยนแปลงท่ามกลางพายุลูกใหม่ที่เข้ากระทบภาคพลังงานสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบปิดทรงตัว อันเนื่องจากพายุโซนร้อนนิโคลัสกำลังก่อให้เกิดพายุฝนพัดกระหน่ำและลมกรรโชกแรงเข้าสู่แหล่งผลิตพลังงานในรัฐเท็กซัส และอาจสร้างความเสียหายบางส่วนต่อโครงสร้างพื้นบานด้านพลังงานของสหรัฐฯ หลังจากที่ก่อนหน้าเผชิญกับการพัดถล่มของพายุเฮอริเคนไอดา ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

น้ำมันดิบ WTI ปิด +1 เซนต์ ที่ 70.46 เหรียญ/บาร์เรล ระหว่างวันทำสูงสุดได้ที่ 71.22 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ Brent ปิด +9 เซนต์ ที่ระดับ 73.60 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ระหว่างวันทำสูงสุดได้ที่ 74.28 เหรียญ

นอกจากนี้ กว่า 39% ของการผลิตน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในอ่าวเม็กซิโก ต้องปิดทำการชั่วคราววานนี้ จากพายุนิโคลัสที่เคลื่อนตัวสู่รัฐเท็กซัส และคาดว่าจะถึงรัฐหลุยส์เซียนาในวันนี้ จึงส่งผลให้เกิดโอกาสเกิดน้ำท่วมเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักบริเวณโรงงานผลิตน้ำมันในพื้นที่ดังกล่าว

· COVID-19 UPDATES:

ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกวานนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 500,000 ราย ส่งผลให้ยอดรวมติดเชื้อสะสมทั่วโลกแตะ 226.60 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตทั่วโลกสะสมทะลุ 4.66 ล้านราย

สหรัฐฯกลับมามีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 139,295 ราย ยังครองอันดับ 1 ของการพบผู้ติดเชื้อใหม่ทั่วโลก ขณะที่สัดส่วนนานาประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลง แต่ไทยยังอยู่ใน 10 อันดับของยอดติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากสุดของโลก

· รัฐวิคทอเรียของออสเตรเลียเข้าใกล้เป้าหมายแรกของการฉีดวัคซีน Covid-1

· สถานการณ์ระบาดในไทยล่าสุดวันนี้พบติดเชื้อใหม่เพิ่ม 13,798 คน เสียชีวิต 144 ราย

ขณะที่ตัวยา ‘โมโนโคลนอล’ สำหรับการใช้รักษา Covid-19 ที่เยอรมนีบริจาคให้ไทยถึงไทยแล้วเมื่อวานนี้