• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 17 กันยายน 2564

    17 กันยายน 2564 | Gold News



ราคาทองคำอ่อนตัวจากดอลลาร์แข็งค่ารับ “ค้าปลีก” สหรัฐฯเซอร์ไพร์สตลาด

ราคาทองคำปรับตัวลดลงไปเกือบ 3% ท่ามกลางราคาซิลเวอร์ที่ร่วงลงไปกว่า 5% โดยปัจจัยลบต่อตลาดเมื่อคืนนี้ ได้แก่

- ดอลลาร์แข็งค่าปิด +0.5% ที่ 92.866 จุด แข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 24 ส.ค.

- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ทำสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1.351% ก่อนปิดที่ 1.333%

- ยอดค้าปลีกสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเกินคาดหมายแตะ 0.7% ในเดือนส.ค. จากที่คาดจะออกมาติดลบ จึงยังหนุนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

- ดัชนีภาคการผลิตสาขาฟิลาเดเฟียเดือนส.ค. ปรับขึ้นอีก 11 จุดสู่ระดับ 30.7 จุด สะท้อนแรงกดดันเงินเฟ้ออ่อนตัว

- จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์แย่กว่าคาด โดยเพิ่มขึ้นแตะ 332,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนไอดา แต่ภาพรวมยังคงเคลื่อนไหวใกล้ต่ำสุดตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัส


· ราคาทองคำตลาดโลกปิดร่วง -2.1% ที่ 1,755.75 เหรียญ หลังทต่ำสุดรอบกว่า 1 เดือน ที่ระดับ 1,744.30 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -2.1% บริเวณ 1,756.70 เหรียญ

· ซิลเวอร์ทรุด -4.3% ปิดที่ 22.79 เหรียญ


· กองทุนทองคำ SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 1.46 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 999.92 ตัน



· นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO กล่าวถึงการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้ว่า “ค่อนข้างกระทบทองคำอย่างหนัก” เพราะมีผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและดอลลาร์แข็งแกร่งมากขึ้น ข๘ณะที่ผู้ถือสถานะ Long มีการปิดสถานะกันเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้คงต้องรอว่าสภาวะ “ตึงเครียดทางการเมือง” หรือ “การเซอร์ไพร์ส” ใดๆ จากเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้า


· หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดจาก Blue Line Futures มองว่า ค้าปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ สะท้อน “ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯกำลังกลับมาอีกครั้ง จึงอาจทำให้เฟดเริ่มมีคาดการณ์เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยได้


· ตลาดสนใจประชุมเฟด 21 – 22 ก.ย. นี้


· บรรดานักลงทุนระบุว่า ราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยกลุ่มนักลงทุนจะทำการรอความชัดเจนของการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้าว่าจะมีแผนต่อการทำ tapering QE อย่างไร


· หัวหน้านักวิเคราะห์จาก AvaTrade กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนลดการถือครองสถานะในทองคำ เนื่องจากกระแสคาดการณ์เฟดน่าจะทำ Tapering QE ในปีนี้ ดังนั้น เทรดเดอร์จึงมองว่าทองคำอาจเผชิญ “ความผันผวน” อย่างร้อนแรงอีกครั้งช่วงเฟดประชุมสัปดาห์หน้า


· นักวิเคราะห์จาก Quantitative Commodity Research ระบุว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ดูจะสนับสนุนและเห็นพ้องต่อการดำเนินการทำ Tapering QE ในปีนี้ ดังนั้น ทั้งหมดนี้จึงไม่น่าเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำได้


· ราคาแพลทินัมปิด -1.7% ที่ 930.52 เหรียญ

· ราคาพลาเดียมปิด +1.5% ที่ 2,032.50 เหรียญ


· Reuters Poll ชี้ การระบาดของ Delta Covid-19 บดบังทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3/2021 พร้อมคาดอาจเห็นเฟดประกาศ Tapering QE เดือนพ.ย.


· “เจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด ออกคำสั่งให้มีการทบทวนจริยธรรมของสมาชิกเฟด อันเป็นผลจากการซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง


· “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คาดหวังให้สภาคองเกรสอนมัติงบค่าใช้จ่าย และร่างโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะให้ผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐาน 2 ฉบับ ที่รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วย

อย่างไรก็ดี สมาชิกเดโมแครตในสภาคองเกรส กำลังเขียนร่างกฎหมายที่มีวงเงินค่าใช้จ่าย 3.5 ล้านล้านเหรียญ สำหรับกองทุนสวัสดิการเด็ก, การศึกษาเล่าเรียนไม่เสียค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยาลัยชุมชน และโครงการอื่นๆเพื่อสังคม รวมไปถึงการขึ้นภาษีบริษัท และคนที่ร่ำรวยมาก

ขณะที่อีกแผนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากสภาคองเกรสมีวงเงิน 1 ล้านล้านเหรียญ


· ประธานจาก Standard Chartered ยังเล็งเห็นโอกาสอันดีในจีน แม้ว่าจะมีมาตรการข้อบังคับที่เข้มงวดมากขึ้น


· รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศแผนกองทุนช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นในประเทศครั้งใหม่ 1 ล้านล้านเหรียญ


· ข้อมุลส่งออกสิงคโปร์เดือนส.ค. ขยายตัวได้น้อยกว่าคาดเพียง 2.7% เมื่อเทียบรายปี


· CNBC รายงานว่า มาตรการคุมเข้ม Covid-19 ส่งผลให้บรรดาบริษัทค้าปลีกบางรายกลับมาพิจารณาใหม่เกี่ยวกับเวียดนามที่ถือเป็น “ศูนย์กลางด้านการผลิต”


· สหรัฐฯ-ออสเตรเลีย-อังกฤษ เผยข้อตกลงสนธิสัญญาด้านความมั่นคงฉบับใหม่เพื่อเป็นการคานอำนาจจีนที่กำลังขยายอิทธิพลรวมถึงเรื่องการทหาร


· ฝรั่งเศสตำหนิออสเตรเลียถึงการเข้าร่วมสนธิสัญญาดังกล่าวว่าเปรียบเสมือนการ “แทงข้างหลัง” เนื่องจากสัญญาเรือดำน้ำออสเตรเลีย-ฝรั่งเศสถูกยกเลิกกระทันหันเพื่อไปลงนามข้อตกลงใหม่กับอังกฤษและสหรัฐฯ


· Reuters เผย สนธิสัญญาความร่วมมือ 3 ชาติในเรื่องความมั่นคง ส่งผลให้ฝรั่งเศสและจีนออกมาวิจารณ์หนัก โดยจีนประณามถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงว่า “ไม่ควร” มุ่งเป้าไปยังประเทศที่สาม พร้อมเตือนถึงการแข่งขันด้านอาวุธในภูมิภาคที่จะรุนแรงมากขึ้น


· ราคาน้ำมันดิบทรงตัว – ภัยคุกคามจากพายุในสหรัฐฯอ่อนตั

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดทรงตัวที่ 72.61 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิด +21 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ 75.67 เหรียญ/บาร์เรล


· COVID-19 UPDATES:

ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกทะยานขึ้นอีกกว่า 566,000 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกพุ่งแตะ 227.79 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมทะลุ 4.68 ล้านราย นำโดยสหรัฐฯ ที่ยังมีผู้ติดเชื้อใหม่ต่อเนื่องเพิ่มสูงเกือบ 150,000 รายภายใน 24 ชม. ทางด้านไทยยังติดอันดับ 10 ของประเทศที่มียอดติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นทั่วโลก


· เช้านี้ศบค. ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 14,555 ราย และเสียชีวิต 171 ราย ยังไม่นับรวมผลตรวจ ATK อีก 1,630 ราย ส่งผลให้ยังต้องติดตามสถานการณ์ระบาดภายในประเทศอย่างใกล้ชิด



ด้านอว. เผยมีการฉีดวัคซีน Covid-19 ให้คนไทยแล้ว 41.65 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีการฉีดวัคซีนเข็มแรกมากที่สุดในไทยกว่า 95.7%


· CNN รายงาน ไทยกลายเป็น 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศ “เปิดประเทศ” และมีการ “ประกาศนโยบายอยู่ร่วมกับ Covid-19”

ทั้งนี้ ไทยมีการประกาศเปิดประเทศตามแผน 1 ต.ค. ให้สามารถเที่ยวได้ 5 จังหวัด และอีก 21 จังหวัดจะมีการประกาสตามมา


· ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย ชี้เศรษฐกิจไทยยังไม่แน่นอนยาวถึงปีหน้า คาดจีดีพีจะกลับไปอยู่ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปี’66

ทั้งนี้ คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 2565 จะอยู่ที่ 3.9% แต่หากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนที่ดีและสามารถควบคุมการระบาดได้จะทำให้การเติบโตของจีดีพีเติบโตได้ 6-8%


· นักบริหารการเงินระบุว่า เงินบาทเปิดเช้านี้ที่ 33.12 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวานนี้ที่ 33.04 บาท/ดอลลาร์

ภาพรวมเงินบาทยังเผชิญปัจจัยกดดันฝั่ง “อ่อนค่า” มากกว่าแข็งค่า ซึ่งในระยะสั้นๆ อาจเห็นแรงขายบอนด์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม จากความกังวลว่าปริมาณการออกบอนด์ในอนาคตอาจสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทางด้านผู้เล่นในตลาดการเงินในฝั่งสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนักและยังอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว

อย่างไรก็ดี ในฝั่งตลาดบอนด์ไทย นักลงทุนต่างชาติทยอยเทขายทั้งบอนด์ระยะสั้นและระยะยาวกว่า 7.6 พันล้านบาท หลังจากที่ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดสถานะเก็งกำไรเงินบาทแข็งผ่านบอนด์ระยะสั้น

ขณะเดียวกัน Bloomberg ได้รายงานว่า สำนักบริหารหนี้สาธารณะอาจกู้เงินมากขึ้นกว่าคาด ส่งผลให้ปริมาณการออกบอนด์ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดเคยประเมินไว้ ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10ปี ไทย ก็พุ่งขึ้นกว่า 10bps


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com