• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 กันยายน 2564

    21 กันยายน 2564 | SET News

·         หุ้นเอเชียผสมผสาน ตลาดกังวลปัญหา China Evergrande


ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความกังวลในวันนี้ เนื่องจากปัญหาของบริษัท China Evergrande ที่อาจผิดนัดชำระหนี้จำนวนมหาศาล ซึ่งกระตุ้นให้เหล่านักลงทุนหนีออกจากสินทรัพย์เสี่ยง

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผสมผสานกัน ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังให้ความสนใจไปยังสถานการณ์ดังกล่าว

โดยเหล่านักลงทุนกังวลว่าการล่มสลายที่ยุ่งเหยิงหรือการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande อาจส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนในช่วงเวลาที่การเติบโตในเศรษฐกิจจีนนั้นดูเปราะบางอยู่แล้ว

 

ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง หลังจากปิดทำการในวันหยุดเมื่อวานนี้

ดัชนี Nikkei ปิด -2.17% ที่ระดับ 29,83971 จุด

หุ้นกลุ่มบริษัท Softbank -4.98%

ดัชนี Topix -1.7% ที่ระดับ 2,064.55 จุด

 

ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับร่วงลงมากกว่า 3%

ดัชนี S&P/ASX 200 +0.35% ที่ระดับ 7,273.80 จุด

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 0.11%

 

สำหรับวันนี้ตลาดจีนและไต้หวันยังคงปิดทำการ ขณะที่ตลาดเกาหลียังคงปิดจนถึงวันพรุ่งนี้

 

หุ้นสายการบินเพิ่มขึ้น

หุ้นสายการบินในเอเชียเพิ่มขึ้นหลังจากสหรัฐฯ ประกาศแผนผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางสำหรับผู้มาเยือนจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

 

หุ้น Qantas Airways ออสเตรเลีย +2.23%

หุ้นของ Japan Airlines +4.47%

หุ้น ANA Holdings +2.53%


ขณะที่หุ้น Singapore Airlines +2.71% ในการซื้อขายช่วงบ่าย

หุ้น Cathay Pacific ในฮ่องกง +2.69%

 

·         ความกังวล China Evergrande ป่วนตลาด ตลาดรอสัญญาณจากรัฐบาลจีนเวลานี้

ความเสี่ยงของบริษัท China Evergrande Group ที่จะเผชิญกับการ "ผิดนัดชำระหนี้" ยังคงป่วนตลาดต่างๆในเวลานี้ ท่ามกลางนักลงทุนที่กำลังมองหาสัญญาณการแทรกแซงจากจีนในการ "สกัดกั้น" ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั่วทั้งเศรษฐกิจโลก

บรรดานักลงทุนใน Evergrande ก็ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

ขณะที่หุ้นบริษัทยังเผชิญกับ "แรงเทขาย" อีกครั้งในวันนี้ มากถึง 7% หลังวานนี้ดิ่งไปกว่า 10% จากความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ของบริษัทที่สูงถึง 3.05 แสนล้านเหรียญ ที่จะกลายมาทำให้ "ระบบการเงินจีน" เสียหาย

 

·         ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น แม้ตลาดกังวล China Evergrande ก่อนทราบประชุมเฟดสัปดาห์นี้


โดยดัชนี Stoxx600 +0.4% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นหุ้นกลุ่มสุขภาพ

ทั้งนี้ การรีบาวน์ของตลาดหุ้นยุโรปเกิดขึ้นหลังจากตลาดเริ่มปรับตัวลงเมื่อวานนี้ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ China Evergrande ที่กำลังเผชิญปัญหาจากหนี้จำนวนมหาศาล และความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งเศรษฐกิจโลก

 

·         S&P Global Rating ดาวน์เกรดบริษัทนักพัฒนาจีน "Sinic Holdings (Group)" สู่ระดับ CCC+ หลังล้มเหลวในการสื่อสารเกี่ยวกับ "แผนชำระหนี้" ที่ชัดเจน

 

·         ภาวะชะงักงันในสหรัฐฯและการเผชิญ "เพดานหนี้สหรัฐฯ" กำลังกดดันตลาดต่างๆ

บรรดานักกลยุทธ์ กล่าวว่า แรงเทขายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะชะงักงันในสภาคองเกรสเกี่ยวกับเรื่องเพดานหนี้และการ Shutdown ของภาครัฐบาล

นางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ "สัปดาห์นี้" จะทำการ ร่างงบประมาณรัฐบาล และหาทางระงับการขยายเพดานหนี้

อย่างไรก็ดี การดำเนินการดังกล่าวเมื่อส่งผ่านให้วุฒิสภา ก็จำเป็นที่ร่างกฎหมายดังกล่าวต้องได้รับเสียงสนับสนุน "60 เสียง" จึงจะสามารถผ่านร่างดังกล่าวได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำกฎการลงมติแยกเสียง "Reconciliation" มาใช้

 

·         "Jim Cramer" ไม่แนะให้เข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นสหรัฐฯร่วงลงในตอนนี้

นายจิม เครเมอร์ จาก CNBC คาดว่า แรงเทขายในตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงมีอยู่ จึงแนะนำให้กลุ่มนักลงทุนยังคง "รอ" ก่อนที่จะเข้าซื้อหรือดำเนินสถานะจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเวลานี้

เนื่องจากโดยปกติ นักลงทุนมักเลือก "ซื้อตอนถูก" และอาจมองว่านี่คือโอกาสที่ดีในรอบ 15 เดือน แต่เชื่อว่านักลงทุนฝั่งขายยังรออยู่ และไม่คิดว่าจะเห็นตลาดหุ้นกลับเป็นบวกได้จนกว่าจะมีเหตุผลมาสนับสนุนมากกว่านี้เพื่อให้มุมมองความคิดเห็นของเขาเปลี่ยนไป

ดังนั้น ในเวลานี้จึงไม่ควรที่จะดำเนินการใดๆ แต่หากต้องการจะซื้อ  นักลงทุนต้องมี "เหตุผล" มากพอและรองรับการเข้าซื้อ เนื่องด้วยตลาดหุ้นมักปรับตกช่วงปลายเดือนนี้ จึงอาจมีแรงขายกระตุ้นตลาดต่อ

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 ก.ย.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,609.60 จุด ปรับขึ้น +6.54 จุด หรือคิดเป็น +0.41% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 46,451 ล้านบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,591.81-1,612.43 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ DELTA KCE และ SCGP

ดัชนี SET50 ล่าสุดปรับขึ้น +3.21 จุด หรือคิดเป็น +0.33% อยู่ที่ 963.79 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 22,893 ล้านบาท เทียบเป็นราว 49.28% ของ SET ทั้งหมด

 

กสิกรไทย ชี้ไทยขยับกรอบเพดานหนี้ไม่กระทบเสถียรภาพคลัง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินไทยขยายกรอบเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% เพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังให้กับรัฐบาล มองไม่กระทบเสถียรภาพการคลัง หลังทั่วโลกขยับเพดานหนี้รับวิกฤตโควิดกันหมด ชี้ประเทศพัฒนาแล้วขยับจาก 120.1% เป็น 122.5% ระบุไทยมีหนี้ระยะยาวสูง 94% หนี้ต่างประเทศต่ำ แนะ 3-5 ปีเร่งสร้างความเชื่อมั่นการบริหารหนี้กลับสู่ความยั่งยืน-หารายได้เพิ่ม

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

 

- 'กรมเจรจาฯเร่งประเมินข้อดี-ข้อเสียเข้าร่วม CPTPP หลังจากล่าสุดจีนสมัครแล้ว ชี้ประโยชน์ที่จะได้จากการเข้าสู่ตลาด CPTPP ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จากการเข้าร่วมของจีนและอังกฤษ มีประชากรรวม 1.9 พันล้านคน แต่ต้องมีมาตรการเยียวยากลุ่มที่ได้ผลกระทบด้วย

 

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทุกแห่ง รวมกว่า 700 แห่งโดยขอให้บริษัทจดทะเบียนที่มีการลงทุน หรือมีแผนลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลพิจารณาลงทุนด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงจากความผันผวนของราคา

 

รอลุ้น 27 ก.ย. ศบค.เคาะผ่อนมาตรการเพิ่ม รับเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่ย้ำจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจต้องทำตามมาตรการ "โควิด ฟรี เซตติ้ง" หากรายใดยังไม่พร้อมก็ต้องรอ


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com