ทองคำอ่อนตัว หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย
· ราคาทองคำร่วงลง เนื่องจากสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเฟด แม้ว่าการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะจำกัดการปรับตัวลงของราคาทองคำก็ตาม
· ราคาทองคำตลาดโลก -0.3% ที่ระดับ 1,763.50 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. -0.8% ที่ระดับ 1,764.20 เหรียญ
· การคาดการณ์ใหม่จากการประชุมนโยบายของเฟดแสดงให้เห็นว่าสมาชิกเฟดส่วนใหญ่พร้อมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อตอบสนองต่อภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรง
· นักวิเคราะห์ประจำ IG Market กล่าวว่า ทุกคนกำลังติดตามกับประเด็นว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจะยาวนานต่อไปอีกไหม และเฟดจะรีบร้อนขึ้นดอกเบี้ยตอบสนองแรงกดดันเงินเฟ้อนั้นมากน้อยแค่ไหน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะกดดันราคาทองคำ
· นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะเริ่มลดวงเงินซื้อพันธบัตรผ่านมาตรการ QE ในเดือนพ.ย.นี้ และมาตรการ QE จะสิ้นสุดลงในกลางปี 2022
· ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการวิจัยของ Metals Focus กล่าวว่า ราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนจากประเด็นบริษัท China Evergrande และการอภิปรายเกี่ยวกับเพดานหนี้ที่จะเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนของตลาด
· นักวิเคราะห์ทางเทคนิคของ Reuters ระบุว่า ในทางเทคนิคราคาทองคำอาจจะกลับทดสอบระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่บริเวณ 1,741.86 เหรียญ
· ราคาซิลเวอร์ -0.4% ที่ระดับ 22.59 เหรียญ
· ราคาพลาเดียม +0.5% ที่ระดับ 2,033.68 เหรียญ
· ราคาแพลตินัม +0.3% ที่ระดับ 999.77 เหรียญ
· หัวหน้าฝ่ายผู้บริหารของบริษัท Intel Corp มีแผนที่จะเข้าร่วมการประชุมทำเนียบขาวเกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกในวันนี้พร้อมกับตัวแทนจาก บริษัท ต่างๆเช่น Apple, Microsoft, Samsung Electronics, GM, Ford และ Stellantis
· ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ถูกคาดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ ท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และอาจมีสัญญาณบ่งชี้เรื่อง QE วงเงิน 8.95 แสนล้านอนด์ (1.22 ล้านล้านเหรียญ)
บรรดานักลงทุนอาจกำลังรอดูว่าสมาชิกบีโออีจะทำการเข้าร่วมกับสมาชิกบางส่วนที่สนับสนุนโหวตยุติการใช้ QE ในปัจจุบันหรือไม่
สำหรับการประชุมบีโออีในวันนี้ เรียกได้ว่า เป็นอีกหนึ่งธนาคารกลางสำคัญที่มีแผนจะทำการยุติ QE ภายในสิ้นปีนี้ โดยสมาชิกกว่าครึ่งในการประชุมเดือนส.ค. มีการคาดการณ์และกล่าวถึงเงื่อนไขการขึ้นดอกเบี้ยด้วย
· ผลสำรวจประจำปีแสดงให้เห็นว่า บริษัทสหรัฐฯมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับธุรกิจในจีนฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี แม้ว่าบริษัทต่างๆ จะสงวนท่าทีเกี่ยวกับนโยบายการควบคุมไวรัสโคโรนาของจีนก็ตาม
· จีนอัดฉีดเงินอีก 1.7 หมื่นล้านดอลล์ หวังคลายวิตกเอเวอร์แกรนด์ขาดสภาพคล่อง
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจำนวน 1.10 แสนล้านหยวน (1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งเป็นจำนวนเงินมากที่สุดในรอบ 8 เดือน หลังจากตลาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินของบริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน
· นายฮุย คา หยาน ประธานบริษัท Evergrande ได้ออกแถลงการณ์สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยกล่าวว่า Evergrande จะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการช่วยเหลือนักลงทุนในการไถ่ถอนผลิตภัณฑ์ลงทุนของบริษัท
พร้อมทั้งจะพยายามสร้างความเชื่อมั่นในการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกลับมาเร่งสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ถูกระงับไปก่อนหน้านี้
· รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอินโดนีเซียเตือนผลกระทบหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Evergrande อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
· ไต้หวัน สมัครเข้าร่วมกลุ่มการค้า CPTPP ไล่หลังจีนที่เพิ่งประกาศไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รัฐบาลไต้หวันได้ยื่นใบสมัครขอเข้าร่วมเป็นภาคีกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP อย่างเป็นทางการต่อชาติสมาชิกของ CPTPP ที่มี 11 ประเทศแล้วเมื่อวันพุธ (22 กันยายน) ที่ผ่านมา โดย ซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีไต้หวันได้ขอให้กระทรวงต่างๆ เตรียมดำเนินการสำหรับการเจรจาแล้ว
· บริษัท “จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ออกมายืนยันว่า หากฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทเป็น “บูสเตอร์ โดส” หรือเข็มที่ 2 หลังจากฉีดเข็มแรกมาแล้ว 2 เดือน จะมีประสิทธิภาพป้องกันโควิดถึง 94%