· ความไม่ลงรอยกันในทางการเมืองสหรัฐฯ “คุกคาม” แผนงานของนายไบเดน ประกอบกับมีความเสี่ยงที่จะเห็นความเห็นต่างและการแบ่งแยกภายในพรรคเดโมแครตของเขาเอง
อันจะเห็นได้จากการโหวตร่างโครงสร้างพื้นฐาน 1 ล้านล้านเหรียญ ก่อนจะโหวตมติสำคัญในการเลี่ยงภาวะ Shutdown ของภาครัฐบาล
ทางทำเนียบขาว ระบุว่า การหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมาย 2 ฉบับ เพื่อฟื้นฟูถนนและสนามบินของประเทศ ร่วมกับการให้ทุนสนับสนุนโครงการทางสังคมและมาตรการการเปลี่ยนแปลงทางภุมิอากาศ กำลังอยู่ในสภาวะ “ไม่ปลอดภัย” จากความไม่เห็นด้วยของสมาชิกกับวงเงินค่าใช้จ่ายที่รวมกันสูงถึง 4 ล้านล้านเหรียญ
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะทำการลงมติในวันนี้เกี่ยวกับร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญ ที่ได้รับมติผ่านจากทางวุฒิสภาแล้ว แต่สมาชิกระดับอาวุโสบางส่วนของพรรคก็กล่าวเตือนว่า การลงมติอาจล่าช้าจากกลุ่มสมาชิกที่ไม่เห็นด้วย
· เมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมาย “ระงับเพดานหนี้สหรัฐฯ” ท่ามกลางการเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกที่ยังไร้ซึ่งแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน
อย่างไรก็ดี พรรครีพับลิกันก็แผนจะยับยั้งและคัดค้านแผนความพยายามของพรรคเดโมแครต โดยตั้งใจให้เดโมแครตทำการจัดการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง อันเป็นผลส่วนหนึ่งจากแผนการลงทุนในโครงสร้างทางสังคมและมาตรการการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ
ขณะที่ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวกับสภาคองเกรสว่า สหรัฐฯอาจไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ภายใน 18 ต.ค. ได้ หากสภาคองเกรสยังคงล้มเหลวในการระงับหรือเพิ่มวงเงินหนี้ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 30 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ยังเสี่ยงกับการเผชิญภาวะการตกงานอีกหลายล้านตำแหน่ง กระทบต่อสวัสดิการภาครัฐ และสร้างความเสียหายให้แก่ตลาดการเงินได้
· ความวิตกกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐฯกำลัง “เริ่ม” สั่นคลอนตลาดสหรัฐฯ จากความเป็นไปได้มากขึ้นที่อาจเห็น “วิกฤตการเงิน” หากสภาคองเกรสไม่สามารถจัดการกับปัญหาเพดานหนี้ได้ จึงทำให้นักลงทุนในตลาดบางส่วนมองว่าอาจเห็นสหรัฐฯ “ผิดนัดชำระหนี้ได้”
CEO จาก JPMorgan Chase & Co ระบุว่า ทางธนาคารเองมีการเตรีมการต่อสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้
นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ก็มีการ “เตือน” ว่าตลาดหุ้นอาจได้รับผลกระทบเชิงลบหากคองเกรสไม่สามารถแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ได้