• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2564

    1 ตุลาคม 2564 | Gold News


ทองปิดพุ่งกว่า 2% รับดอลลาร์อ่อน แต่ปิด Q3 ในทิศทางขาลง

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.7% ที่ 1,755.56 เหรียญ
หลังไปทำสูงสุดช่วงต้นตลาดในรอบ 1 สัปดาห์ บริเวณ 1,765 เหรียญ

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือน ธ.ค. ปิด +2% ที่ระดับ 1,757 เหรียญ

 

·         ราคาทองคำปิดปรับตัวสูงขึ้นได้กว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยได้รับอานิสงส์จาก
1. ดอลลาร์อ่อนค่าจากแข็งค่ามากสุดรอบ 1 ปี กลับลงมาแถว 94.19 จุด จาก 94.504 จุด
2. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีอ่อนตัวลงมาทรงตัวที่ 1.524
% หลังไปทำสูงสุดรอบ 3 เดือนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ระดับ 1.567%
3. จีดีพีสหรัฐฯไตรมาสที่ 2 โต 6.7
% แต่ตลาดสนใจการขยายตัวไตรมาสที่ 3 มากกว่า






4. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาแย่กว่าคาด พบว่างงานเพิ่ม 11,000 ราย สู่ 362,000 ราย ถือเป็นการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์

นักเศรษฐศาสตร์บางส่วน ยังเชื่อว่า จีดีพีไตรมาสที่ 2/2021 ของสหรัฐฯ อาจสะท้อนการขยายตัวได้ดี แม้จะเห็นมาตรการทางการเงินบางส่วนเริ่มหมดอายุลง

นักเศรษฐศาสตร์หลายๆราย ยังสนใจว่า การระบาดระลอกที่ 4 ของ Covid-19 จะมีผลกระทบต่อกิจกรรมช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯมากน้อยเพียงใด และคาดว่าจะเห็นจีดีพีไตรมาสที่ 3/2021 โตต่ำกว่า 5%




ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ จ่อหดตัวลง อันเป็นผลจาก
- การระบาดของ
 Delta Covid-19
การขาดแคลนวัตถุดิบด้านการผลิต
- ยอดขายรถยนต์ปรับตัวลง
- ยอดขาย-ยอดซื้อบ้านลดลง

 

·         โอกาสเฟดทำ Tapering QE เร็วๆนี้ ยังเป็นปัจจัยจดดันทองคำสำหรับทิศทางทองคำไตรมาสนี้

·         ที่ปรึกษาอิสระบางราย มองว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโอกาสเฟดทำ Tapering QE ยังมีอยู่ เนื่องจากจะเห็นได้ว่า เฟดต้องการเห็นตลาดแรงงานแข็งแกร่งก่อนจะทำการประกาศลด QE ดังนั้น การเลื่อนประกาศนโยบายดังกล่าวน่าจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ

ขณะเดียวกัน ทองคำยังมีแรงหนุนจาก “แรงซื้อ” ในตลาด จากนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

·         หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Exinity กล่าวว่า โอกาสที่เฟดจะทำ Tapering QE ยังมีสูง และส่วนใหญ่เริ่มคาดจะเห็นเฟดเริ่มต้นลดในเดือนพ.ย. นี้ ประกอบกับโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯจะขึ้นได้ต่อ และกรณีที่เฟดอาจเพิ่มขึ้นดอกเบี้ย ก็น่าจะกดดันทองคำต่อไปได้

 

·         นักวิเคราะห์จาก Commerzbank กล่าวว่า การแข็งค่าของดอลลาร์ และการปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ

ดังนั้น ในระยะสั้นๆ ทองคำจึงมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงต่อ และอาจกลับทดสอบ 1,700 เหรียญได้ในเร็วๆนี้ และตราบเท่าที่ทองคำยังถูกกดดัน ซิลเวอร์ก็น่าจะมีแนวโน้มที่ปรับขึ้นได้ยากลำบากเช่นกัน

 

·         ซิลเวอร์ปิด +2.5% ที่ระดับ 22.04 เหรียญ
แต่ปิดเดือนก.ย. ขาลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

 

·         แพลทินัมปิด +1.3% ที่ 962.61 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด +2.4% ที่ 1,901.41 เหรียญ

 

·         “ชาร์ล อีวานส์” ประธานเฟดสาขาชิคาโก ระบุว่า เฟดจะอดทนรอต่อข้มูลเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าจะเห็นการปรับขึ้นของเงินเฟ้ออ่อนตัวลงในปีหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในปัจจุบันยังจำเป็นต่อการสนับสนุนให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% ได้

 

·         “ราฟาเอล บอสติค” ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า กระบวนการสรรหาประธานเฟดระดับภูมิภาคเป็นเรื่องที่ดี และยินดีกับการมีคณะกรรมาธิการตรวจสอบจริยธรรม หลังจากที่สมาชิกเฟด 2 รายลาออกในสัปดาห์นี้

 

·         “เจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟด ให้คำมั่นที่จะมุ่งเน้นการเปิดโอกาสสำหรับการหาคนมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด 2 สาขาที่ลาออกไปจากเหตุวิพากษ์วิจารณ์การซื้อขายสินทรัพย์ในตลาด

 

·         “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามที่จะหาทางยุติความขัดแย้งของเดโมแครตก่อนการลงมติร่างกฎหมายโครงสร้งาพื้นฐานของเขา

ทั้งนี้ นายไบเดน อยู่ภายใต้แรงกดดันระหว่างสมาชิกภายในพรรคของกลุ่มความก้าวหน้า กับกลุ่มสายกลางในสภา ที่มีแนวโน้มจะปฏิเสธการลงคะแนนเสียง จนกว่าจะมีแนวทางที่บรรลุเป้าหมายของตน

 

·         “เจเน็ต เยลเลน” รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเตือน โอกาสผิดนัดชำระหนี้อาจสร้างความเสียหายแก่เศรษฐกิจสหรัฐฯ “ที่ไม่สามารถแก้ไขได้” รวมทั้งอาจก่อวิกฤตทางการเงินและภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ

 

·         S&P Global Ratings เตือนถึง “ความเสี่ยงขาลง” หากสหรัฐฯไม่สามารถแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ได้ และอาจส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินต่างๆ หากสหรัฐฯเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้

ขณะที่ นางเยลเลน ได้กล่าวเตือนไว้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะไร้เงินทุนภายในวันที่ 18 ต.ค. นี้ หากไม่สามารถเพิ่มหรือระงับเพดานหนี้ได้

 

·         เงินเฟ้อเยอรมนีขยายตัวได้รวดเร็วมากสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย.  แตะ 4.1% เมื่อเทียบรายปี จาก 3.4% ข้อมูลล่าสุดจึงถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ม.ค. 1997 ตั้งแต่ที่มีการเริ่มเก็บสถิติ

 

·         ยูโรโซนเร่งหารือด้านเศรษฐกิจที่อาจได้รับผลกระทบจาก “ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น”

อีซีบี เชื่อว่า ราคาก๊าซ, น้ำมัน และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นเพียง “ชั่วคราว” เท่านั้น และน่าจะอ่อนตัวลงได้ในปี 2022 ซึ่งรัฐบาลหลายๆแห่งในยูโรโซนก็เห็นด้วย

แต่บรรดารัฐมนตรีก็กำลังหารือกัน เนื่องจากต้องการหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการปัญหา นับตั้งแต่ที่มีการเตรียมงบประมาณเมื่อปี 2022 เนื่องจากผลกระทบด้านราคาพลังงานอาจจำเป็นต้องเกิดการจัดสรรงบประมาณ

·         ปั๊มน้ำมันในอังกฤษยังคงไม่สมารถรองรับต่ออุปสงค์ภายในประเทศได้ เนื่องจากวิกฤตพลังงานที่กำลังเกิดขึ้น ส่งสผลให้การจราจรบนท้องถนนเวลานี้ ทำต่ำสุดตั้งแต่ที่เกิด Lockdown ช่วง Covid-19 ประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา

 

·         ราคาน้ำมันดิบปิดทรงตัว หลังมีรายงานว่า “จีนเตรียมพร้อมสำรองน้ำมันเพิ่ม” รวมถึงการจัดหาอุปทานด้านพลังงานเพิ่มเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นด้านอุปสงค์และชดเชยแรงกดดันด้านราคา

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิด +20 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ 75.03 เหรียญ/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิด +12 เซนต์ หรือ +0.2% ที่ระดับ 78.52 เหรียญ/บาร์เรล

ทั้งนี้ น้ำมันดิบทั้ง 2 ชนิดปรับตัวลดลงกว่า 1 เหรียญ ในช่วงต้นตลาดเมื่อวานนี้

 

·         นายหลี่ เคอะเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนกำลังสร้างความมั่นใจด้านอุปทานพลังงานและเชื้อเพลิง เพื่อให้การจัดการด้านเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปตามกรอบอย่างสมเหตุสมผล

ขณะที่ความเป็นไปได้เกี่ยวกับภาวะราคาน้ำมันจากวิกฤตพลังงานและความกังวลในตลาดที่อยู่อาศัยในจีน ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์ เชื่อว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับผลกระทบและมีแนวโน้มที่ความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันด้วยเช่นกัน

 

·         ธนาคารกลางเม็กซิโกประกาศขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 4.75% จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

 

·         ภาคธุรกิจญีปุ่นฟื้นตัว จากบริษัทต่างๆมีการปรับเพิ่มแผนการลงทุน

 

·         ยอดส่งออกเกาหลีใต้พุ่งแตะ 16.7% เมื่อเทียบรายปี

 

·         เกาหลีเหนือทดลองชีปนาวุธต่อต้านอากาศยานครั้งใหม่
ซึ่งการดำเนินการล่าสุดมีขึ้นท่ามกลางการหยุดชะงักในการเจรจาหาทางปลดล็อกอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ

 

 

·         COVID-19 UPDATES:

 



ยอดติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 500,000 ราย ดันยอดสะสมทั่วโลกแตะ 234.52 ล้านราย
เสียชีวิตรายใหม่ทั่วโลกยังต่ำกว่าหลักหมื่นต่อเนื่อง รวมเสียชีวตสะสม 4.79 ล้านราย

รักษาหายทั่วโลกสะสม 211.32 ล้านราย

 

สหรัฐฯยังพบติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นหลักแสนต่อเนื่อง รวมสะสม 44.311 ล้านราย เสียชีวิตสะสมของประเทศ 7.16 แสนราย

 

·         ยอดติดเชื้อในไทยวันนี้ ล่าสุดพบติดเพิ่ม 11,754 ราย เสียชีวิต 123 ราย


 

ยอดฉีดวัคซีนสะสมในไทยรวมกว่า 51.49 ล้านโดส

 


·         ราชกิจจาฯ เปิด 10 กิจการ-กิจกรรม มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.นี้

 

·         ภูเก็ตผ่อนคลายสถานที่และกิจกรรมเสี่ยงโควิด-19 รับเปิดเกาะ 1 ต.ค.นี้ เร่งสกัดเชื้อ-ฉีดวัคซีนเข็ม 3 หวังเปิดให้เดินทางเข้าสะดวก ดึงคนไทยเที่ยวเพิ่ม

 

·         เงินบาทเช้านี้เปิดแข็งค่าที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์ หลังธปท. แสดงความกังวล และแรงหนุนจากราคาทองคำขยับขึ้น จึงส่งผลให้นักลงทุนทองเทขายทำกำไรบางส่วน  คาดวันนี้ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.60 – 33.80 บาท/ดอลลาร์



ระยะสั้นเชื่อว่าเงินบาทจะยังไม่สามารถกลับมาแข็งค่าได้อย่างชัดเจน จนกว่าปัจจัยจเสี่ยงจะเริ่มคลี่คลายลง โดยเฉพาะปัญหา “เพดานหนี้สหรัฐฯ” ที่เป็นตัวกดดันค่าเงินดอลลาร์

ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่
- แนวโน้มการระบาดของ
 Covid-19

ปัญหาน้ำท่วมในไทย

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com