• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2564

    4 ตุลาคม 2564 | SET News


·         ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากเหล่านักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อขายในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.และไตรมาสที่สี่ของปีนี้

ดัชนี Dow futures เพิ่มขึ้น 10 จุด
ดัชนี S&P 500 futures และดัชนี Nasdaq 100 futures ต่างปรับตัวลง


·         Global Times รายงาน China Evergrande ระดมทุนจากการขายระบบการบริหารจัดการกว่าครึ่งหนึ่งทางด้านอสังหาฯเพิ่ม 5 พันล้านเหรียญ ให้แก่ Hopson Development

โดย China Evergrande กำลังเผชิญระดับหนี้จำนวนมหาศาล และยังไม่สามารถจัดการกับหนี้สินวงเงิน 3.05 แสนล้านเหรียญ



·         Hopson Development เข้าซื้อกิจการบริษัท Evergrande 51% รวมมูลค่า หมื่นล้านเหรียญฮ่องกง (พันล้านเหรียญ)




·         หุ้นเอเชียผสมผสาน - หุ้น China Evergrande ถูกระงับการซื้อขาย

ตลาดหุ้นของฮ่องกงร่วงลงมากกว่า 2% หลังจากหุ้นของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง China Evergrande ถูกระงับการซื้อขาย โดยบริษัทไม่ได้บอกว่าเพราะเหตุใด แต่แหล่งข่าวการเงินของจีน Cailian กล่าวว่า ผู้พัฒนารายใหญ่อีกรายกำลังวางแผนที่จะเข้าซื้อหน่วยจัดการทรัพย์สินของ Evergrande

 

ดัชนี Hang Seng -2.3% ที่ระดับ 24,011.72 จุด

ดัชนี Nikkei -1.1% ที่ระดับ 28,457.15 จุด ด้านตลาดหุ้นไต้หวันก็ปรับตัวลงเช่นเดียวกัน

ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย +0.8% ที่ระดับ 7,246.10 จุด

 

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัท Merck เปิดเผยผลทดสอบประสิทธิภาพยาต้านไวรัสโควิดซึ่งมีประสิทธิภาพสูง


ท่ามกลางความกังวลที่ส่งผลกระทบกับตลาด:

เฟดเริ่มส่งสัญญาณการทำ Tapering QE

ข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาผสมผสานเมื่อเร็ว ๆ หลังการติดเชื้อไวรัสโคโรนาเพิ่มสูงขึ้น

ภาษีเงินได้นิติบุคคลของสหรัฐฯ

ความวุ่นวายทางการเมืองสหรัฐฯที่ยังคงดำเนินต่อไป


สำหรับวันนี้ตลาดเซี้ยงไฮ้และเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันหยุด



·         ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานกัน โดยดัชนี Stoxx600 -0.1% ด้านหุ้นภาคธนาคาร -1% ขณะที่หุ้นกลุ่มทรัพยากร +0.4%

ทั้งนี้ ตลาดยุโรปกำลังเริ่มต้นสัปดาห์ซื้อขายเต็มรูปแบบครั้งแรกของเดือนต.ค. ท่ามความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ กระแสการทำ Tapering QE ของเฟด และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งกดดันความเชื่อมั่น

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 1.56% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.



·         หุ้นอินเดียปรับขึ้นหลังจากดิ่งลง 4 วันทำการ โดยได้รับปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มเภสัชกรรม

ดัชนี NSE Nifty 50 ปรับขึ้น +1.03% ปิดที่ 17,713.9 จุด

ดัชนี S&P BSE Sensex ปิด +1.09% ที่ 59,406.33 จุด


ขณะที่กลุ่มนักลงทุนก็กำลังรอคอยการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2021 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น และการจตัดสินใจของธนาคารกลางอินเดียในเรื่อง "ดอกเบี้ย" ช่วงปลายสัปดาห์นี้


​อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี ประเมินว่า การคลายล็อกดาวน์จะส่งผลทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวกลับมาได้บ้าง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยจะเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับมาก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐจะทำให้คนไทยกลับมาท่องเที่ยวได้บ้าง ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าการฟื้นตัวยังถูกจำกัด เนื่องจากการเปิดประเทศถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนพ.ย.

 

ภาพรวมปี 64 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมเพียง 1 แสนคนเท่านั้น จากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 6.7 ล้านคน ดังนั้น ทำให้คาดว่าปี 64 รายได้จากการท่องเที่ยวจากคนไทยและต่างชาติรวมกันจะอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท โดยอัตราเข้าพักโรงแรมคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.8%

 

สำหรับแนวโน้มปี 65 คาดว่ารายได้นักท่องเที่ยวโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนล้านบาท และอัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8% ภายใต้สมมติฐานไม่มีการล็อกดาวน์อีก แต่มีมาตรการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) เช่น เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวที่สัมผัสเป็นประจำ


โพลล์นักวิเคราะห์ คาด SET ปิดสิ้นปี 1,648 จุด Q4 รับผลดีฉีดวัคซีน-ศก.โลกฟื้น

 

อ้างอิงจากสำนักข่าว MGR Online

รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มีความกังวลถึงสถานการณ์ต่างประเทศ ทั้งปัญหาไฟฟ้าดับในจีนหลายเมือง ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และภาวะน้ำท่วมในไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเป็นการซ้ำเติมให้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ชะลอตัวลงได้อีกแม้ว่ารัฐบาลเตรียมจะเปิดประเทศเพื่อทำให้กิจกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวก็ตาม และยังจะส่งผลให้ไทยต้องมีภาระด้านงบประมาณในการดูแลผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากน้ำท่วมหลายจังหวัด


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com