• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2564

    5 ตุลาคม 2564 | Gold News


ทองคำทำสูงสุดรอบ 1 สัปดาห์จากดอลลาร์อ่อน-ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงลดลง

· ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.3% ที่ 1,764.92 เหรียญ

· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ตลาด Comex ปิดปรับขึ้น 9.2 เหรียญ ที่ระดับ 1,770.4 เหรียญ


· ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในรอบกว่า 1 สัปดาห์ โดยได้รับอานิสงส์จาก

- ดอลลาร์อ่อนค่าลง หลังปิดแข็งค่า 4 สัปดาห์ติด โดยเมื่อคืนนี้ปิดทรงตัวแถว 93.96 จุด


- สภาวะ Risk-Off กดดันตลาดหุ้นร่วง

ดัชนี Dow Jones ปิดลงไปกว่า 323.54 จุด ที่ 34,002.29 จุด

ดัชนี S&P500 ปิด -1.3% ที่ 4,300.46 จุด

ดัชนี Nasdaq ปิด -2.1% ที่ 14,255.48 จุด


- นักลงทุนลดการถือครองหุ้นเทคโนโลยี จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ปรับสูงขึ้น

- ความต้องการ Safe-Haven เพิ่มสูงขึ้น

- ความกังวลการค้าครั้งใหม่เกี่ยวกับสหรัฐฯ-จีน

- ตึงเครียดสหรัฐฯ-จีน จากกรณีไต้หวัน

- นักลงทุนรอคอยข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯศุกร์นี้ เพราะอาจมีผลต่อการตัดสินใจทำถอนนโยบายการเงินของเฟด


· นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุว่า สภาวะความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด จะเห็นได้ว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำเวลานี้ ประกอบกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงด้วย ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลน้อยลงเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางต่างๆจะทำการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆที่ไม่แน่นอนในเวลานี้

· นักวิเคราะห์อาวุโสจาก ActivTrades กล่าวว่า ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงในระยะสั้นที่ปรับตัวลดลงดูจะส่งผลต่อความต้องการ Safe-Haven ในระยะสั้น ก่อนการประกาศผลตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯศุกร์นี้

· จีนกล่าวโทษสหรัฐฯที่เพิ่มความตึงเครียดในไต้หวัน และให้คำมั่นที่จะ “ทำลาย” แผนการแบ่งแยกดินแดนใดๆ

· ไต้หวัน เผยเมื่อวานนี้ว่า กองทัพจีนส่งเครื่องบินรบ และเครื่องบินทิ้งระเบิด รุกล้ำเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันมากถึง 52 ลำในวันเดียว ถือเป็นสถิติการส่งที่มากที่สุดที่เกิดขึ้นภายในไม่กี่วันหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯแสดงความวิตกกังวลต่อกิจกรรมทางทหารที่เป็นการ “ยั่วยุ” ของจีน


· ดอลลาร์อ่อนค่าหลังปรับขึ้นต่อเนื่อง 4 สัปดาห์

ภาพรวมดอลลาร์เริ่มกลับมาเคลื่อนไหว “สะสมพลัง” ในลักษณะขาขึ้น โดยตลาดยังคงมีปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ได้แก่

- ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์จีน

- การปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

- ค่าใช้จ่ายช่วงไตรมาสที่ 2/2021 ของสหรัฐฯ

- บรรดาธนาคารเพื่อการลงทุนต่างๆ มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของบริษัท


สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ดูจะเห็นได้ถึงกลุ่มนักลงทุนเริ่มลดหรือปรับพอร์ตรอข้อมูลการจ้างงานรัฐบาลสหรัฐฯที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ เพราะจะมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องการลด QE ของเฟด


ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำกว่า 1.16 ดอลลาร์/ยูโร และทรงตัวที่ 1.1598 ดอลลาร์/ยูโร


สัปดาห์ที่ผ่านมา ดอลลาร์ปิดสัปดาห์ในทิศทางแข็งค่าต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ติด ถือเป็นการปรับแข็งค่าที่มากขึ้นนานสุดตั้งแต่ช่วงปลายมิ.ย. ที่ผ่านมา ประกอบกับจะเห็นได้ว่า บรรดา Hedge Funds ก็มีการเพิ่มการถือครองสถานะในค่าเงินดอลลาร์มากขึ้นทำสูงสุดตั้งแต่ พ.ย. ปี 2019



ข้อมูล Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะเห็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นราว 460,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งถือว่าน่าจะ “เพียงพอ” ให้เฟดตัดสินใจ “เริ่ม Tapering QE” ได้ก่อนสิ้นปี


· ETFs เข้าสู่ช่วงเวลาที่ผันผวนมากสุดครั้งประวัติศาสตร์ในเดือน “ต.ค.” หลังมีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง 10 เดือนติด


· ข้อมูลคำสั่งซื้อภาคโรงงานสหรัฐฯปรับขึ้นมาที่ 1.2% ในเดือนส.ค. ขณะที่เดือนก่อนหน้าปรับทบทวนเพิ่มมาที่ 0.7% จึงยังสะท้อนภาคการผลิตในประเทศยังสดใส

ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงานรายปีปรับขึ้นมาสูงถึง 18%


· “แคทเธอรีน ไท” ผู้แทนเจรจาการค้าจาก USTR ระบุว่า จะพยายามเจรจากับจีน และจะยังไม่มีมาตรการภาษีรอบใหม่เวลานี้

นางแคทเธอรีน ไท ผู้แทนเจรจาการค้าระดับสูงของสหรัฐฯ ให้คำมั่นว่า จะยังไม่รวมบางส่วนจากสินค้านำเข้าจีนที่ถูกขึ้นภาษีในยุคของนายทรัมป์มาใช้กดดันจีน เนื่องจากต้องการเจรจาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการรักษาสัญญาที่ทำไว้ในข้อตกลงการค้ายุคนายทรัมป์ รวมถึงการยุติความเสียหายต่อนโยบายภาคอุตสาหกรรม


· ไบเดน ชี้ การเพิ่มการจำกัดหนี้สินจะไม่เกี่ยวกับ “การใช้จ่ายครั้งใหม่”

เมื่อวานนี้ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงการเพิ่มวงเงินการชำระหนี้สินเก่า จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายใหม่ พร้อมกล่าวถึงการกระทำล่าสุดของสมาชิกพรรครีพับลิกันที่ “ประมาท” และ “เป็นอันตราย”

สมาชิกวุฒิสภาพรรครีพัยลิกันมีการคัดค้านการเพิ่มเพดานหนี้เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวานนี้


· Bank of America เปิดตัวรายงานการวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ค่อนข้างครอบคลุม โดยมุ่งเน้นไปยังกลุ่ม Cryptocurrency และค่าเงินดิจิทัลอื่นๆ รวมทั้งการเพิ่มการมีส่วนร่วมของสถาบันการเงินหลักอื่นๆสำหรับความแข็งแกร่งของสินทรัพย์ต่างๆของพวกเขา


· CoinShares เผย Cryptocurrency มีเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ติดต่อกัน


· กลุ่มผู้ตรวจสอบของเฟดจะทำการตรวจปรับทบทวนนโยบายกิจกรรมการค้าของสมาชิกเฟด


· “อลิซาเบธ วอร์เร็น” ส.ว. สหรัฐฯ เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ทำการตรวจสอบข้อตกลงระหว่าง “เฟด” รวมทั้งอดีตสองประธานเฟดที่ทำการลาออกหลังมีการตรวจสอบพบการซื้อขายสินทรัพย์ในตลาด


· บรรดารัฐมนตรีกระทรวงการคลังของยูโรโซน คาด อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 2022 หลังเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดรอบ 13 ปี จากราคาพลังงาน ซึ่งโดยภาพรวมจะเป็นการปรับขึ้นเพียง “ชั่วคราว”


· ผู้ว่าธนาคารกลางเม็กซิโก เล็งเห็น โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้


· COVID-19 UPDATES:


ยอดติดเชื้อ Covid-19 สะสมทั่วโลกทะลุ 236 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมรวม 4.82 ล้านราย


· Pfizer เผยผลศึกษา ประสิทธิภาพวัคซีน Covid-19 ลดลงหลังได้รับการฉีดเป็นเวลา 6 เดือน


· สถานการณ์ในไทยพบยอดติดเชื้อรายใหม่ทรงตัว โดยวันนี้พบติดเชื้อใหม่เพิ่ม 9,869 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 92 คน



· เงินบาทเปิดทรงตัวแถว 33.79 บาท/ดอลลาร์

นักบริหารเงิน ยังเล็งเห็นถึงแรงกดดันในทิศทาง “อ่อนค่า” อันเป็นผลจากความกังวลปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น จากราคาพลังงาน เพราะหากราคาสินค้าพลังงานยังอยู่ระดับสูง ร่วมกับปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน อาจมีผลให้ดุลการค้าไทย “ขาดดุลต่อ” และอาจทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัด “มีแนวโน้มขาดดุล” ประกอบกับไทยไร้รายได้จากการท่องเที่ยวเสริม

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาทองคำ ที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดทองมีการทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่ระยะสั้นๆไม่คิดว่าเงินบาทจะกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน ขณะเดียวกันคาดเงินบาทมีโอกาสแตะ 34 บาท/ดอลลาร์ได้

วันนี้คาดเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.70 – 33.90 บาท/ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านสำคัญ 34 บาท/ดอลลาร์

สำหรับการไฟเขียวคลายล็อกดาวน์ของรัฐบาลตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป ส่งผลให้กรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินว่า การจับจ่ายใช้สอยทางเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมนี้ น่าเพิ่มมาเป็น 10,000-12,000 ล้านบาทต่อวัน


· อ้างอิงจากประชาชาติธรุกิจ

- เอกชนไทยเข็นจีดีพีปีหน้า 6-8% ดันส่งออกหนุนเข้าขบวน CPTPP


- มุมมองกสิกรต่อแนวโน้มดอกเบี้ยไทยในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว

จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเผชิญแรงตึงเครียด จากสถานการณ์ระบาดที่ลดน้อยลง แต่ภาพรวมเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มชะลอตัวลงจาก Covid-19 ระลอกล่าสุดที่รุนแรงและยาวนาน ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอ ตลาดแรงงานเปราะบาง และการส่งออกมีการชะลอตัวลงตามอุปสงค์ต่างประเทศ ในขณะที่การท่องเที่ยวยังซบเซา

ด้านเงินเฟ้อไทยยังอยู่ระดับต่ำ โดยในเดือนส.ค. ติดลบเล็กน้อยที่ 0.02% หากพิจารณาในช่วง 8 เดือนแรกของปี เงินเฟ้อไทยอยู่ที่ 0.7% ต่ำกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 1-3% จึงไม่มีแรงกดดันต่อการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของไทยในระยะนี้

ประกอบกับภาวะสังคมผู้สูงอายุที่ไทยกำลังจะเผชิญในปี 2029 อาจทำให้ครั้งนี้ไทยอาจจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเป็นประเทศท้าย ๆ ของเอเชีย โดยเราประเมินว่า ธปท.มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกยาวนาน


- กรณ์ ชี้ Evergrande ระเบิดเวลา–วิกฤตการเงินโลก จี้ไทยรับมือด่วน

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวแสดงความเป็นห่วง ระเบิดเวลาทางเศรษฐกิจจาก บ.อสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ Evergrande ว่า กำลังจะส่งผลกระทบไม่ใช่แค่กับเศรษฐกิจจีน แต่สะเก็ดระเบิดนี้จะกระจายมาโดนเมืองไทยด้วยเหมือนสมัยวิกฤตแฮมเบอเกอร์ เมื่อสมัยที่ตนเป็นรมว.คลัง

“Evergrande ใช้ยุทธศาสตร์ 3 สูง 1 ต่ำ คือหนี้สูง หนี้ต่อทุนสูง และยอดขายสูง ส่วน 1 ตํ่าคือ ต้นทุนต่ำ ยุทธศาสตร์นี้ทำให้ Evergrande เติบโตอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่ปี แต่แล้วสุดท้ายการเสพติดหนี้ทำให้บริษัทล่มและสะเทือนไปถึงระบบธนาคารและแม้แต่การเมืองจีน ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้พยายามลดความเสี่ยงในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยการประกาศมาตรการ ‘3 เส้นแดง’ ที่ทุกบริษัทต้องปฏิบัติ ซึ่งเป็นการกำหนด 1. สัดส่วนหนี้สินต่อทรัพย์สิน 2. สัดส่วนหนี้ต่อทุน 3. สัดส่วนเงินสดต่อหนี้ระยะสั้น” อดีต รมว.คลัง กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้วันนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจะยังไม่มาก แต่ความพึ่งพาใกล้ชิดระหว่างเศรษฐกิจไทย-จีนในปัจจุบันนี้ มีมากกว่า ไทย-อเมริกา ตอนเราโดนลูกหลงจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ดังนั้นเราต้องวางแผนรับแรงกระแทกให้ดี อย่าตายใจว่าไกลตัวเรา


· อ้างอิงจากมติชน

- ด่วน!! กบง.ลดเก็บเงินดีเซลบี7 ลง 1 บาทมีผลพรุ่งนี้-ปรับสูตรดีเซลเหลือบี6 ตรึง 28.29 บาท ถึง 31 ต.ค.


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com