· น้ำมันร่วงต่อ หลังสต๊อกสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น
ราคาน้ำมันปรับตัวลงเป็นครั้งที่2 โดยถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์หลังจากราคาพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี
ราคาน้ำมันดิบ WTI -0.67% หรือ 52 เซนต์ ที่ระดับ 76.91 เหรียญ/บาร์เรล หลังปิดปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 79.78 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2014
ราคาน้ำมันดิบ Brent -0.1% หรือ 8 เซนต์ ที่ระดับ 81.00 เหรียญ/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ว่าจะลดลงเล็กน้อย 418,000 บาร์เรล ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินก็เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้ากลั่นลดลงเล็กน้อย
โดยราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้นมากกว่า 50% ในปีนี้ บวกกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อาจชะลอการฟื้นตัวจากการระบาดของไวรัวโคโรนา และส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ของผู้บริโภค รวมทั้งราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
กลุ่มโอเปกพลัส กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า จะยึดมั่นในข้อตกลงในการเพิ่มการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี
ทั้งนี้ การตัดสินใจของกลุ่มโอเปกพลัสในประเด็นดังกล่าว แม้ว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากความกังวลว่าอุปสงค์และราคาอาจอ่อนตัวลง
· Natural Gas Futures: ภาวะขาลงเป็นไปอย่าง "จำกัด"
CME Group เผยข้อมูลสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ โดยพบว่า Open Interest มีการปรับลดลงไปเกือบ 25,000 คู่สัญญาเมื่อวานนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง 2 วัน
ในทางกลับกันจะเห็นได้ถึง Volume การซื้อขายยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติด ณ เวลานี้อยู่ราว 70,500 คู่สัญญา
ราคาก๊าซธรรมชาติมีการปับตัวลดลงไปกว่า 10% เมื่อวานนี้ หลังจากที่ขึ้นไปทำสูงสุดครั้งประวัติการณ์ครั้งใหม่ในปีนี้แถว 6.50 เหรียญ/MMBtu
การปรับตัวลงของราคาอย่างรวดเร็ว เกิดขึ้นท่ามกลาง Open Interest ที่ปรับลง บ่งชี้ถึงมุมมองที่ว่า แนวโน้มขาลงดูจะไม่เกิดขึ้นยาวนานนักในเวลานี้ และจะเห็นได้ว่าราคาซื้อขายขั้นต้นอยู่ที่ระดับประมาณ 5.60 - 5.65 เหรียญ ต่อ MMBtu
ที่มา: CNBC, FXStreet