นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น คลายความกังวลด้วยการเลื่อนแผนการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไปก่อน
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯปิดตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากรายงานการจ้างงานที่ออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ความสนใจจะเปลี่ยนไปอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ และผลประกอบการของบริษัท
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบินในสิงคโปร์พุ่งขึ้นในการซื้อขายวันนี้
หุ้น Singapore Airlines +6.63%
หุ้น SATS +3.6% โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากทางการสิงคโปร์ประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “Vaccinated travel lanes” กำลังจะเปิดให้บริการกับประเทศต่างๆ มากขึ้น ด้านดัชนี Straits Times เพิ่มขึ้นประมาณ 0.1%
ดัชนี Nikkei +1.5% ที่ระดับ 28,445.71 จุด
ดัชนี S&P/ASX 200 ออสเตรเลีย -0.3% ที่ระดับ 7,299.80 จุด
ดัชนี Hang Seng ฮ่องกง +1.8% ที่ระดับ 5,296.08 จุด
ดัชนี Shanghai Composite +0.2% ที่ระดับ 3,598.38 จุด
ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่น +0.71%
สำหรับวันนี้ตลาดเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องจากวันหยุดประจำชาติ
· หุ้นบริษัทฟู้ดเดลิเวอรี่สัญชาติจีน Meituan พุ่งขึ้นมากกว่า 7% และเป็นบริษัทเทคโนโลยีจีนที่มูลค่าหุ้นพุ่งมากที่สุดในเช้าวันนี้ หลังบริษัทถูกสั่งปรับฐานผูกขาดทางการค้ามูลค่า 500 ล้านเหรียญ
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลการตลาดของประเทศจีน หรือ SAMR กล่าวว่า Meituan ใช้ตำแหน่งที่โดดเด่นในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ออนไลน์ของประเทศไปในทางมิชอบ
· หุ้น Lenovo ร่วง 17% หลังถอนแอปพลิเคชั่นจดทะเบียนในเซี่ยงไฮ้
· หุ้นฟิลลิปปินส์พุ่ง - ค่าเงินริงกิตมาเลเซียแข็งรับการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง
หุ้นฟิลลิปปินส์ปรับตัวสูงขึ้นไปเกือบ 4% หลังมีรายงานการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวด จึงหนุนให้หุ้นกลุ่มอสังหาฯ และผู้บริโภคมีการปรับตัวขึ้น ขณะที่ค่าเงินเปโส อ่อนค่าลง 0.4% อ่อนค่าต่อเนื่อง 2 วันทำการ
ด้านค่าเงินริงกิต ประเทศมาเลเซีย และค่าเงินสิงคโปร์ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นรับการผ่อนคลายมาตรการจกัดการเดินทาง โดยเรียกได้ว่า ค่าเงินริงกกิตมีการแข็งค่าเข้าใกล้ระดับสูงสุดรอบ 1 เดือน ขณะทีหุ้นมาเลเซียปรับขึ้นต่อเนื่อง 5 วันทำการ
· รายงานผลประกอบการสหรัฐฯไตรมาส 3 ส่อแววแกร่ง โดยจะเริ่มประกาศในสัปดาห์นี้ แต่ภาวะห่วงโซ่อุปทานและปัญหาภาวะเงินเฟ้อดูจะสร้างความกังวลต่อกลุ่มนักลงทุน
อ้างอิงจาก IBES ระบุว่า บรรดานักวิเคราะห์ ประเมินโอกาสที่จะเห็นผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2021 เมื่อเทียบรายปีของกลุ่มบริษัทใน S&P500 เพิ่มขึ้นได้มากถึง 29.6% หลังจากที่ลดลดลงไปกว่า -96.3% ช่วงไตรมาสที่ 2/2021 ที่ผ่านมา
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นไม่แน่นอนมากขึ้น โดยดัชนีฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯลดลงหลังจากดัชนีหลักปิดตัวลงเล็กน้อยในวันศุกร์ ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่คลายความกังวลต่อรายงานตลาดแรงงานสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ตลาดทั่วโลกผันผวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนให้ความสนใจไปยังกระแสคาดการณ์เงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายเดือนในวันศุกร์ หลังจากรายงานการจ้างงานที่ลดลงในเดือนก.ย.
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ (11 ต.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า -4.9 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 48,652 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ STARK KBANK และ TRUE
การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (11 ต.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,634.51 จุด ปรับลง -4.9 จุด หรือคิดเป็น -0.3% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 48,652 ล้านบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 1,634.17-1,646.50 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ STARK KBANK และ TRUE
ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับลง -3 จุด หรือ -0.3% อยู่ที่ 982.71 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 22,817 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 46.90% ของ SET ทั้งหมด
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- กกร.ขยับกรอบ GDP ปีนี้เป็น 0.0-1.0% จาก -0.5 ถึง 1% รับมาตรการกระตุ้นศก.ภาครัฐ
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วม ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ดีขึ้นมาอยู่ในกรอบ 0.0 - 1.0%
ปัจจัยบวกที่ช่วยเสริมให้ภาพรวมเศรษฐกิจปลายปีน่าจะดีขึ้น คือ มาตรการที่รัฐบาลได้ออกมาในช่วงนี้ เช่น โครงการคนละ ครึ่ง เฟส 3 ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ที่ขยายสิทธิเพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ จะเป็นแรงเสริม ภาคการท่องเที่ยวในช่วง High-Season แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและตัวเลขการติดเชื้อหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไป อีกระยะ
ส่วนการส่งออก กกร.คาดว่า ยังคงขยายตัว 12.0% ถึง 14.0% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี ภายใต้เงื่อนไขค่าระวางเรือที่ ไม่สูงจนเกินไป สามารถควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมได้ และการฉีดวัคซีนให้แรงงานได้ทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่ว ไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2%