· หุ้นเอเชียลดลง กังวลเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอน Evergrande
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงทรงตัว เนื่องจากวิกฤตพลังงานทั่วโลกทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องเงินเฟ้อและปัญหาหนี้ของ Evergrande ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนก่อนฤดูผลประกอบการของสหรัฐฯ
ดัชนี Stoxx 50 futures -0.73%
ดัชนี FTSE futures -0.55%
ดัชนี S&P 500 e-minis -0.33%
ดัชนี Blue-chip CSI300 -1.52% ขณะที่ดัชนีราคาถ่านหิน -3.8% ท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลที่จะกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ เพิ่มผลผลิต
ดัชนี Hang Seng -1.3% ถูกกดดันจากหุ้นบริษัทเทคโนโลยี
ดัชนี ASX200 -0.26%
ดัชนี Nikkei -0.79%
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น -0.9%
นักวิเคราะห์บางรายคาดว่า บริษัทต่างๆ จะรายงานการเติบโตที่ชะลอตัวเนื่องจากอุปสรรคด้านซัพพลายเชนและราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่อาจทำให้หุ้นสหรัฐฯร่วงลง
หุ้น JPMorgan -2.1%
ดัชนี S&P 500 -0.69% มาอยู่ที่ 4,361.19 จุด
ดัชนี Dow Jones Industrial -0.72%
ดัชนี Nasdaq Composite -0.64%
หลังจากข้อมูลของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้ว พบว่าการเติบโตของการจ้างงานอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ย. ขณะที่ตอนนี้ตลาดให้ความสนใจไปยังตัวเลขเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มทำการ Tapering QE ในเดือนหน้า
· เหล่านักลงทุนจับตาไปยังรายงานผลประกอบการบริษัท Airbus ในไตรมาส 4 หลังจากการส่งมอบเครื่องบินเจ็ทในเดือนก.ย.ค่อนข้างทรงตัว
· หุ้นอินเดียปิดร่วงจากสูงสุดประวัติการณ์ หลังหุ้นบริษัทไอทีดิ่งก่อนทราบรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2021
ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนแอ ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และวิกฤตพลังงานที่ฉุดรั้งความเชื่อมั่นนักลงทุน และทำให้ดัชนี NSE Nifty 50 ปิด -0.15% ที่ 17,921.10 จุด ขณะที่ ดัชนี S&P BSE Sensex ปิด -0.17% ที่ 60,033.69 จุด
· หุ้นโรงแรมและสายการบินของไทยพุ่งขึ้นในวันนี้ ท่ามกลางการประกาศของนายกรัฐมนตรีว่านักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยมากขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง ท่ามกลางความเชื่อมั่นขอองนักลงทุนที่แย่ลง โดยดัชนี Stoxx600 -1.1% ด้านหุ้นกลุ่มทรัพยากร -1.8% ท่ามกลางตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในแดนลบ
ทั้งนี้ เหล่านักลงทุนให้ความสนใจไปยังการประกาศรายงานผลประกอบการภาคบริษัทในสัปดาห์นี้
- JPMorgan Chase
- Goldman Sachs, Bank of America
- Morgan Stanley, Wells Fargo
- Citigroup
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ (12 ต.ค.) ปิดตลาดเช้า +7.33 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,641 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 55,072 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AOT CPALL และ TRUE
การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (12 ต.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,640.77 จุด ปรับขึ้น +7.33 จุด หรือคิดเป็น +0.45% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 55,072 ล้านบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,637.49-1,646.85 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AOT CPALL และ TRUE
ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +5.36 จุด คิดเป็น +0.55% อยู่ที่ 987.81 จุด มูลค่าซื้อขายรวม 30,008 ล้านบาท คิดเป็นราว 54.49% ของการซื้อ-ขายทั้งหมด
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- นายกฯ ออกแถลงการณ์ เปิดประเทศ 1 พ.ย. นำร่องเดินทาง 10 ประเทศ ไม่ต้องกักตัว ส่วนวันที่ 1 ธ.ค.ปลดล็อกเปิดสถานบันเทิง-นั่งดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ รับเทศกาลเฉลิมฉลอง ขณะที่ ศบค.ประชุมวันที่ 14 ต.ค.นี้ สธ.ชง "ลดพื้นที่สีแดงเข้ม เพิ่มพื้นที่สีส้ม" ยกระดับมาตรการให้สอดคล้องสถานการณ์ หารือนำร่องท่องเที่ยว-โรงแรมใน กทม.จ่อเปิด
- ที่ประชุมคณะกรรมการ บีโอไอ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เห็นชอบขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับเอสเอ็มอี อีก 1 ปีจนถึงสิ้นปี 65 โดยมีมาตรการพิเศษสำหรับเอสเอ็มอีคือ กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5 แสนบาท จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่าจากเกณฑ์ปกติ และผ่อนปรนเงื่อนไข ต่างๆ รวมถึงการให้สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามเกณฑ์ และยังเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อการยกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการให้ลงทุนปรับเปลี่ยนเครื่องจักร