• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 21 ตุลาคม 2564

    21 ตุลาคม 2564 | SET News

·         หุ้นเอเชียร่วง เยนแข็ง ตลาดกลับมากังวล Evergrande

ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลง ท่ามกลางการปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ของดัชนี Dow Jones และ Bitcoin เมื่อวันก่อน ซึ่งถูกกดดันจากความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เนื่องจากบริษัท China Evergrande ผิดนัดที่อาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่วันนี้



ดัชนี European futures และดัชนี FTSE futures -0.3%

ดัชนี S&P 500 futures -0.2%

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น -0.3% หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนในช่วงสั้นๆ

หุ้นในกลุ่มนักพัฒนาได้รับแรงหนุนจากการรับรองจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจำนวนหนึ่งว่า ปัญหาในภาคส่วนนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้บานปลายไปสู่วิกฤต แต่นักลงทุนทั่วโลกยังคงวิตกกังวล

นักลงทุนคาดว่าราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นและตลาดแรงงานที่ตึงตัวจะกดดันเฟดและที่อื่น ๆ ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า แต่ตลาดหุ้นแทบไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

ขณะที่เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อทางการไม่มีความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นค่าเงินหยวนเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินของคู่ค้ารายใหญ่ของจีน

ด้าน Bitcoin ซึ่งทำสถิติสูงสุดเมื่อวานนี้ หลังการเปิดซื้อขาย Bitcoin Futures ในกองทุน ETF

 

·         ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงเกือบ 2% ก่อนเลือกตั้ง และตลาดกังวลปัญหารอบใหม่ของ China Evergrande ประกอบกับความกังวลเงินเฟ้อที่จะกระทบต่อแนวโน้มผลประกอบการบริษัทมากขึ้น

ดัชนีนิกเกอิปิด -1.87% ที่ 28,708.58 จุด

ดัชนี Topix ปิด -1.31% ที่ 2,000.81 จุด


·         หุ้นจีนปรับขึ้นตามหุ้นกลุ่มอสังหาฯและถ่านหิน - ขณะที่หุ้นฮ่องกงร่วง

ดัชนี CSI300 ปิด +0.4% ที่ 4,927.45 จุด ในช่วงปิดภาคเช้า ขณะที่ดัชนี Shanghai Composite ปิด +0.5% ที่ 3,603.62 จุด

ดัชนี HSI ปิด -0.3% ที่ 26,060.26 จุด

ดัชนี Hong Kong China Enterprises ปิด +0.3% ที่ 9,301.90 จุด

 

·         หุ้น China Evergrande ปรับร่วงลงไปกว่า 10% หลังจากที่มีแรงเทขายสินทรัพย์ของบริษัทแก่ Hopson Development Holdings อีก 2.6 พันล้านเหรียญ

·         ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง เนื่องจากการกลับมากังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนก ขณะที่นักลงทุนยังคงให้ความสนใจไปยังการประกาศผลประกอบการของบริษัทจำนวนมาก



 

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx 600 -0.4% ในการซื้อขายช่วงแรก โดยหุ้นทรัพยากรพื้นฐาน -1.7% ท่ามกลางตลาดหุ้นภาคส่วนส่วนใหญ่และตลาดหุ้นหลักเคลื่อนไหวในแดนลบ

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาชาติธุรกิจ

หุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า +3.35 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,641 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 37,102 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK BBL และ SPALI

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (21 ต.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,640.90 จุด ปรับขึ้น +3.35 จุด หรือคิดเป็น +0.20% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 37,102 ล้านบาท เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 1,639.59-1,646.50 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK BBL และ SPALI

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +1.19 จุด คิดเป็น +0.12% อยู่ที่ 987.05 จุด โดยมูลค่าซื้อขายรวม อยู่ที่ 16,866 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 45.46% ของการซื้อ-ขายทั้งหมด

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- SCB เผย Q3/64 กำไรโต 90% ตามความสามารถทำธุรกิจ-ตั้งสำรองลดลง,NPL เพิ่มเล็กน้อย

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 8,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรจากของธุรกิจที่ดีขึ้นและการตั้งเงินสำรองลดลง ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองมีจำนวน 21,097 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลของการเติบโตที่แข็งแกร่งของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยและการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 64 ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 27,720 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

- BBL บวก 1.66%,BAY ทรงตัว ช่วงรอลุ้นผลประมูลซื้อกิจการซิตี้กรุ๊ปในไทย

หุ้น BBL ราคาขยับขึ้น 1.66% มาอยู่ที่ 122.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,505.30 ล้านบาท ขณะที่หุ้น BAY ทรงตัวที่ 32.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 24.91 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.17 น.

 

นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกเนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัว และสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงานติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่ไม่เป็นธรรม

 

หอการค้าไทย คาดหลัง ครม.อนุมัติงบ 54,600 ล้านบาทเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนผ่านโครงการต่างๆ จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นประมาณ 95,000 ล้านบาท ส่งผลให้ประมาณการเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี 64 จะเพิ่มเป็น 1.0-1.5%

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com