น้ำมันร่วง จากแรงเทขายทำกำไร
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้กำไรจากการปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯและการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเตาจากถ่านหินและก๊าซท่ามกลางราคาที่พุ่งสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ร่วงลง 54 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.6% สู่ระดับ 85.28 เหรียญ/บาร์เรล โดยลดลงจากระดับที่เพิ่มขึ้น 0.9% ในช่วงก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2018 เพิ่มขึ้น 0.9%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 33 เซนต์ หรือคิดเป็น -0.4% สู่ระดับ 83.09 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ซึ่งหมดอายุเมื่อวานนี้ โดยปรับตัวขึ้น 91 เซนต์ หรือคิดเป็น +1.1% หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 ก่อนหน้านี้
ด้านโรงกลั่นน้ำมันกำลังเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐฯ แต่การซ่อมบำรุงโรงงานและราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงนั้นคาดว่าจะจำกัดอุปทานในไตรมาสที่ 4
ขณะที่ในสัปดาห์นี้ ตลาดน้ำมันแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีซึ่งได้รับแรงหนุนจากวิกฤตถ่านหินและก๊าซทั่วโลก ซึ่งผลักดันให้เปลี่ยนไปใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาเพื่อการผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ สำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ (EIA) กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯลดลง 431,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ 15 ต.ค. ที่ระดับ 426.5 ล้านบาร์เรล เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในการสำรวจของ Reuters ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาร์เรล
สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ร่วงลงเกินคาด 5.4 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 217.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2019 ขณะที่สต็อกน้ำมันกลั่นลดลงสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่เดือนเม.ย. 2020
ที่มา: Reuters