• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 25 ตุลาคม 2564

    25 ตุลาคม 2564 | SET News

·         ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น หลังดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนี Dow futures +18

ดัชนี S&P 500 futures และดัชนี Nasdaq 100 futures ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก

 

·         หุ้นเอเชียผสมกัน จากผลประกอบการของ HSBC เกินความคาดหมาย

ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อการเปิดเผยผลประกอบการของ HSBC




ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงร่วงลงประมาณ 0.1% 

หุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของ HSBC เพิ่มขึ้น 0.43% หลังจากที่ธนาคารรายงานกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งทำได้เหนือความคาดหมาย

หุ้นของบริษัท China Evergrande Group ทรงตัวหลังจากพุ่งขึ้นเกือบ 6% ก่อนหน้านี้ หลังจากที่บริษัทประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าได้กลับมาทำงานต่อในโครงการมากกว่า 10 โครงการ ตามรายงานของ Reuters

ตลาดหุ้นจีนปิดสูงขึ้น โดยดัชนี Shanghai composite  เพิ่มขึ้น 0.76% ที่ระดับ 3,609.86 จุด

ดัชนี Shenzhen component เพิ่มขึ้น 0.717% เป็น 14,596.72 จุด

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระดับภูมิภาค หลังจากทางการเตือนว่าการระบาดอาจแพร่กระจายออกไปอีก

ด้านดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปิดลดลง 0.71% ที่ 28,600.41 จุด

ดัชนี Topix ร่วง 0.34% มาที่ 1,995.42 จุด

ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น 0.48% ปิดที่ 3,020.54 จุด

ตลาดหุ้นออสเตรเลียขยับสูงขึ้น โดยดัชนี S&P/ASX 200 เพิ่มขึ้น 0.34% ที่บริเวณ 7,441 จุด

ทั้งนี้ ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย

 

·         หุ้นยุโรปเคลื่อนไหวผสมผสานเช่นเดียวกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงติดตามผลประกอบการของบริษัทสถานการณ์ไวรัสโคโรนา และเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx 600 เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว ด้านหุ้นน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 1% ขณะที่หุ้นโทรคมนาคมร่วง 0.9%

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ

หุ้นไทยวันนี้ (25 ต.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า -9 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,634 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 41,470 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK BBL และ BANPU

การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 ต.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,634.42 จุด ปรับลง -9 จุด หรือคิดเป็น -0.55% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 41,470 ล้านบาท อยู่ในกรอบ 1,631.29-1,645.91 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK BBL และ BANPU

ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับลง -6.68 จุด หรือคิดเป็น -0.68% อยู่ที่ 982.13 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขายรวม 20,563 ล้านบาท เทียบเป็นราว 49.59% ของ SET ทั้งหมด

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าว ThaiPR.net

- กรุงศรีคาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 33.00-33.60 นับถอยหลังเปิดประเทศ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่าเงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.00-33.60 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 33.24-33.50 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดคลายกังวลชั่วคราวเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน และคาดว่าธนาคารกลางหลายแห่งมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยรายงานภาวะเศรษฐกิจของเฟดระบุว่าราคาและค่าจ้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะสั้นยังคงเป็นบวก แต่ในบางพื้นที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ทางด้านอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษชะลอตัวลงในเดือนกันยายน แต่ตลาดยังมองว่าธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยก่อนหน้านี้ผู้ว่าการบีโออีส่งสัญญาณว่าเตรียมที่จะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกท่ามกลางความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะที่เงินหยวนแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือน หลังจากธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางของ USD/CNY ต่ำกว่า 6.4 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย 8,738 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตร 1,474 ล้านบาท

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com