น้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากอุปทานตึงตัว
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ส่งผลให้กำไรช่วงก่อนสุดสัปดาห์แตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี เนื่องจากอุปทานทั่วโลกที่ยังคงตึงตัว ท่ามกลางความต้องการเชื้อเพลิงที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯ และที่อื่นๆ ในโลก ขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวหลังจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.7% ที่ระดับ 84.38 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปิด +1.5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนต.ค. 2014 ที่ระดับ 84.76 เหรียญ/บาร์เรลในช่วงก่อนหน้านี้
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 56 เซนต์ หรือคิดเป็น 0.7% เช่นเดียวกัน ที่ระดับ 86.09 เหรียญ/บาร์เรล หลังปิด +1.1% เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2018 ที่ระดับ 86.43 เหรียญ/บาร์เรล
ขณะเดียวกัน บริษัทพลังงานของสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ปรับลดแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นมนตลาดที่แข็งแกร่ง ด้านผู้จัดการด้านการเงินได้เพิ่มสถานะ Long ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐฯและ Options ในสัปดาห์จนถึงวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนถ่านหินและก๊าซในจีน อินเดีย และยุโรป แต่นักวิเคราะห์เตือนว่าอาจมีการปรับฐานบ้างในสัปดาห์ต่อๆ ไป เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้นำไปสู่ความระมัดระวังที่เพิ่มขึ้น
ที่มา: Reuters