· หุ้นเอเชียเพิ่มขึ้น - นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์จีนกระทบความเชื่อมั่น
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้น ตามการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปิดทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ แม้ว่าจะเกิดความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่กดดันความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนก็ตาม
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่น +0.15% และปรับขึ้นไปทำระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในวันนี้ หลังจากเพิ่มขึ้นตลอดเดือนต.ค.
ดัชนี Nikkei ปิดปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 1.8%
ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดเพิ่มขึ้น 0.03%
ดัชนี CSI300 เพิ่มขึ้น 0.05% นำโดยหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงปรับตัวลดลง 0.4%
ทางด้านตลาดหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของจีนปรับตัวลงในช่วงบ่าย เนื่องจากบริษัท Modern land บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำอีกแห่งหนึ่งของจีนผิดนัดชำระเงิน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากวิกฤตหนี้ China Evergrande Group
· ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางรายงานผลประกอบการที่เป็นบวก โดยดัชนี Stoxx 600 +0.2% ด้านหุ้นกลุ่มค้าปลีก +0.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทเลคอม -0.4%
· ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังรอคอยการประกาศผลประกอบการจากกลุ่มเทคโนโลยี พร้อมกับตลาดส่วนใหญ่ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี Dow futures +37 จุด
ดัชนี S&P 500 futures และดัชนี Nasdaq 100 futures ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก
· KPN NV บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของเนเธอร์แลนด์ รายงานผลประกอบการหลักประจำไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์โดยเพิ่มขึ้น 1%
· UBS ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2015 เนื่องจากกิจกรรมการซื้อขายที่แข็งแกร่ง โดยกลุ่มคนรวยระดับโลกทำให้รายรับค่าธรรมเนียมพุ่งขึ้น 23%
· NENT กลุ่มสื่อของสวีเดนด้านการสตรีมอย่าง Netflix และ Disney+ ในแถบนอร์ดิกส์ รายงานว่ามียอด Subscribers เพิ่มขึ้น 28%
· Orange ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส กล่าวว่า ผลประกอบการหลักในไตรมาสที่สามลดลง 0.7% เมื่อเทียบจากปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายจากข้อตกลงร่วมลงทุนที่ลดลง
· Thales ซึ่งเป็นบริษัทระบบไฟฟ้าของฝรั่งเศสคงเป้าหมายปี 2021 เนื่องจากรายงานยอดขายในไตรมาส 3 ที่ลดลง 1.4% ซึ่งลดลงจากการเปรียบเทียบกับการคลายล็อกดาวน์หลังจากการระบาดไวรัสโคโรนาระลอกแรกของปีก่อนหน้านี้
· อินโดนีเซียคาดว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและการฟื้นตัวของการบริโภคในครัวเรือนจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต 4.5% ในไตรมาสที่สาม*
· อ้างอิงจากสำนักข่าวประชาติธุรกิจ
- หุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.) ปิดตลาดภาคเช้า +3.29 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,637 จุด มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 49,483 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK KCE และ PTT
การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 ต.ค.) ดัชนี SET Index ปิดตลาดภาคเช้า อยู่ที่ระดับ 1,637.49 จุด ปรับขึ้น +3.29 จุด หรือคิดเป็น +0.20% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 49,483 ล้านบาท เคลื่อนไหวในกรอบ 1,627.68-1,639.93 จุด โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ KBANK KCE และ PTT
ขณะที่ดัชนี SET50 ปรับขึ้น +1.55 จุด หรือ +0.16% อยู่ที่ 984.36 จุด โดยมีมูลค่าซื้อขายรวม 28,229 ล้านบาท คิดเป็นราว 57.05% ของมูลค่าซื้อ-ขายในตลาด SET
· อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ธปท.เผยผลสำรวจนักวิเคราะห์หั่น ศก.ไทยปีนี้เหลือโต 0.6% คาดเริ่มฟื้น Q4/64
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจมุมมองภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/64 จากความเห็นนักวิเคราะห์ (Analyst Survey) พบว่า นักวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 64 ลงเหลือโต 0.6% จากเดิมคาดโต 1.3%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มฟื้นตัว สะท้อนจากการคาดการณ์ว่าทุกเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจจะขยายตัวเล็กน้อยจากแรงสนับสนุนทั้งนโยบายด้านการคลังและการเงิน รวมถึงการฉีดวัคซีนที่คืบหน้าไปมาก และการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศเริ่มฟื้นตัว
- ธปท.-แบงก์ชาติมาเลย์ขยายกลไกชำระเงินบาท-ริงกิต หนุนการค้า-การลงทุน