น้ำมันดิบอ่อนตัวหลังจากที่ล่าสุดได้รับแรงหนุนจากภาวะตึงตัวของตลาด
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังปรับขึ้นได้จากมุมมองความแข็งแกร่งของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นผู้บริโภคน้ำมันและสินค้าต่างๆมากที่สุดของโลก
น้ำมันดิบ Brent ปรับลง 20 เซนต์ หรือ -0.2% ที่ 85.79 เหรียญ/บาร์เรล หลังวานนี้ปิด +0.5%
น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้น 21 เซนต์ หรือ +0.3% ที่ 83.55 เหรียญ/บาร์เรล ภาพรวมยังเคลื่อนไหวทรงตัว หลังจากวันก่อนทดสอบสูงสุดใหม่
ภาวะความร้อนแรงเกี่ยวกับเรื่อง "พลังงาน" และ "ถ่านหิน" ดูจะบรรเทาลงไปหลังรัฐบาลจีนประกาศแทรกแซง แม้ว่าราคาพลังงานทั่วโลกจะยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้ถูกมองว่าการอ่อนตัวของราคาพลังงานจะเป็นเพียงชั่วคราว ท่ามกลางสภาวะฤดูหนาวที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นทางตอนเหนือของจีน
กลุ่มนักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสของ OANDA ระบุว่า สภาวะคาดการณ์เกี่ยวกับฤดูหนาวในช่วงเดือนพ.ย. และแรงเก็งกำไรของบรรดาเทรดเดอร์จากตลาดน้ำมันที่กำลังตึงตัวอย่างมาก สะท้อนถึงการเห็นอุปสงค์น้ำมันที่อาจเพิ่มขึ้นเกินคาดในฤดูหนาวนี้ พร้อมมองโอกาสน้ำมันอาจขึ้นไปได้มากถึง 90 เหรียญ
Goldman Sachs คาดน้ำมันดิบมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นเหนือจากระดับที่คาดการณ์ไว้ 90 เหรียญ/บาร์เรล และอาจเห็นการเปลี่ยนผ่านพลังงานจากการใช้ก๊าซมาเป็น "น้ำมัน" เพิ่มมากขึ้นถึง 1 ล้านบาร์เรล/วัน สำหรับอุปสงค์น้ำมันได้
การอุปโภคบริโภคแก๊สโซลีนและดีเซลล์ ดูจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงเฉลี่ยราคา 5 ปี ในสหรัฐฯ หลังจากที่เผชิญกับอุปสงค์ที่อ่อนแอ
อย่างไรก็ดี ตลาดอาจให้ความสำคัญและจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯสัปดาห์นี้ ท่ามกลางสต็อกน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่ถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สต็อกแก๊สโซลีนและดีเซลล์ถูกคาดว่าจะปรับตัวลดลง
ที่มา: CNBC