MTS Help Center

​·         อัตราผลตอบแทนระยะสั้นเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีจีนลดลง

ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 0.8% นำโดยดัชนีเทคโนโลยี Hang Seng ที่ลดลง 3.5% หลังจากที่ผู้ดูแลอินเทอร์เน็ตของจีนกล่าวว่ามีการวางแผนกฎการลงทะเบียนที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้เน็ตอายุน้อย

ดัชนี Nikkei ลดลง 0.6% ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่ดัชนีฟิวเจอร์สตลาดหุ้นสหรัฐฯเคลื่อนไหวเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการตอบสนองของธนาคารกลางต่ออัตราเงินเฟ้อ

ดัชนี FTSE Futures ทรงตัวและดัชนี European Futures ลดลง 0.3%

หลักฐานล่าสุดเกี่ยวกับแรงกดดันทั่วโลกต่อราคาผู้บริโภคมาจากออสเตรเลีย โดยข้อมูลแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 ปีในไตรมาสก่อน

ขณะที่ตลาดสกุลเงินค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากเหล่าเทรดเดอร์กำลังให้ความสนใจไปยังการประชุมของธนาคารกลางในสัปดาห์หน้า

รายงานรายรับจาก Ford, Coca-Cola, McDonald's และ Boeing จะครบกำหนดในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่ในสัปดาห์นี้

แม้ว่าในวันอังคารหุ้น Facebook จะลดลงหลังจากที่บริษัทเตือนถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎความเป็นส่วนตัวของ Apple

 

·         HSBC เล็งเห็นโอกาสทำกำไรในจังหวะหุ้นจีนปรับตัวลดลง เนื่องจากเป็นโอกาสดีที่ควรจะเข้าซื้อ

 

ทั้งนี้  ดัชนี Stoxx600 -0.1% ด้านหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ -1.2%

·         ธนาคาร Deutsche Bank รายงานรายได้ที่ลดลงในหน่วยวาณิชธนกิจ แต่ก็ยังสามารถเอาชนะความคาดหวังและรายงานกำไรไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน

โดยรายงานรายได้สุทธิ 194 ล้านยูโร หรือประมาณ 225 ล้านเหรียญ ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุดที่เดือนก.ย. ด้านนักวิเคราะห์ประเมินรายได้สุทธิ 135 ล้านยูโรในไตรมาสที่ 3 ตามข้อมูลจาก Refinitiv

ขณะที่หุ้นยังคงร่วงลง 2.7% ในการซื้อขายช่วงเช้าของวันนี้

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์

- ตลาดหุ้นไทยปิดเช้าลบ 4.62 จุด ตามภูมิภาคช่วงรอผลประชุม ECB-BOJ หันเก็งหุ้นขนาดเล็ก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,631.35 จุด ลดลง 4.62 จุด (-0.28%) มูลค่าการซื้อขายราว 38,442 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,635.68 จุด และระดับต่ำสุด 1,629.37 จุด

 

- ศูนย์วิจัยกสิกร ปรับเพิ่ม GDP ปี 64 เป็น +0.2%รับคลายล็อก-เปิดปท.จากเดิม -0.5%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 64 เพิ่มขึ้นมาเป็นขยายตัว 0.2% จากเดิมที่คาดว่าหดตัว 0.5% จากผลการคลายล็อกดาวน์และการเปิดประเทศที่เร็วขึ้นกว่าที่ประเมินไว้

 

- ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโมเดิร์นเทรด ไตรมาส 3 ปี 64 ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ไตรมาส ดัชนีรวมอยู่ที่ 47.9 ดัชนีในปัจจุบันอยู่ที่ 47.1 และดัชนีในอนาคตอยู่ที่ 48.7 เพราะปลายไตรมาส 3 รัฐทยอยคลายล็อกมาตรการต่าง ๆ และผู้ประกอบการมองว่า ธุรกิจค้าปลีกน่าจะผ่านจุดตำสุดแล้ว เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ทั้งโครงการคนละครึ่งเฟส 3, ยิ่งใช้ยิ่งได้, เรารักกัน, ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์, สมุย พลัส โมเดล รวมถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง และการผ่อนคลายมาตรการควบคุม ที่ผ่อนคลายให้ธุรกิจโมเดิร์นเทรด เปิดได้ตามเวลาที่กำหนด

- นายกฯ กล่าวถ้อยแถลง ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ย้ำอาเซียนต้องเป็นหนึ่งเดียว พร้อมพิจารณาแนวทางใหม่ในปฏิสัมพันธ์สหรัฐ-จีน เพื่อรักษาสันติภาพเสถียรภาพในภูมิภาค

 

- ศปก.ศบค.สั่งเตรียมพร้อมรับมือหลังพบการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ "เดลตาพลัส" ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขยืนยันสายพันธุ์ที่เจอในไทย ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับที่ระบาดในอังกฤษ พร้อมสั่งเฝ้าระวังอัลฟาพลัสจากประเทศเพื่อนบ้าน เปิดแผน 5ขั้น รองรับนโยบาย "เปิดประเทศใน 120 วัน"