• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564

    3 พฤศจิกายน 2564 | Gold News


ทองคำปรับตัวลงจากดอลลาร์แข็งค่า ตลาดสนใจประชุมเฟดคืนนี้

 



·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.3% ที่ 1,787.04 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.4% ที่ 1,789.40 เหรียญ

 

·         ราคาทองคำปรับตัวลดลง โดยได้รับแรงกดดันหลักๆจาก

- ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย รับคาดการณ์เฟดอาจประกาศเริ่มต้นลดวงเงินเข้าซื้อ QE
ดัชนีดอลลาร์ปิด +0.19
ที่ 94.106 จุด ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลง 0.25% แตะ 1.15775 ดอลลาร์/ยูโร

ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่า 0.32% แตะ 1.36175 ดอลลาร์/ปอนด์ ก่อนทราบประชุมบีโออีพรุ่งี้ ที่ตลาดกำลังประเมินว่าอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ย

- ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นทำสูงสุดประวัติการณ์ จากรายงานผลประกอบการ
- กระแสคาดการณ์ตลาดเกี่ยวกับโอกาสเห็นเฟดให้ “กรอบเวลา” การขึ้นดอกเบี้ย จากแรงกดดันเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้น

- นักลงทุนลดสถานะรอผลประชุมเฟดคืนนี้ ขณะที่บางส่วนก็สนใจประชุมบีโออีในวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน

- สินค้ากลุ่ม Precious Metals ปิดลบ นำโดย
  ซิลเวอร์ปิด -2.3
ทำต่ำสุดรอบ 2 สัปดาห์ บริเวณ 23.46 เหรียญ
  แพลทินัมปิด -2.4
ที่ 1,038.82 เหรียญ
  พลาเดียมปิด -1.8
ที่ 2,011.69 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco กล่าวว่า ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นก่อนประชุมเฟด กำลังกดดันความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven แต่ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อก็ได้ช่วงจำกัดการปรับตัวลดลงของทองคำได้


·         นักกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Commerzbank คาดว่า เฟดน่าจะเริ่มประกาศการทำ Tapering QE แต่จะยังไม่ได้บ่งชี้ถึงกรอบเวลาการขึ้นดอกเบี้ย และนี่อาจสร้างความผิดหวังให้แก่ตลาดที่คาดจะเห็นการดำเนินการดังกล่าว และนี่อาจเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทะยานไปถึง 1,800 เหรียญได้


·         หัวหน้านักวิเคราะห์อาวุโสจาก FXTM ระบุว่า สัปดาห์นี้อาจเห็นราคาทองคำค่อนข้างผันผวน และมีแนวโน้มที่จะเห็นดอลลาร์, อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และคาดการณ์เงินเฟ้อ รวมถึงความเชื่อมั่นสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกที่มีอิทธิพลต่อตลาดด้วย

 

·         ภาพรวมนักลงทุนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ดูจะตอบรับกับท่าทีคุมเข้มทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ โดยบรรดาสมาชิกธนาคารกลางต่างๆกำลังกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ในช่วงที่การระบาดของ Covid-19 ผ่อนคลายลง

 

·         ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีท่าที Dovish มากกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ จึงกดดันให้ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าในช่วง 1 วันมากสุดตั้งแต่ 29 ก.ย.

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลง ตลาดสนใจผลประชุมเฟดคืนนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ปรับลงแตะ 1.547%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2 ปี หลังทำสูงสุดรอบ 19 เดือนในสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดปรับลงครั้งใหญ๋มากสุดตั้งแต่เดือนก.พ. ทำต่ำสุดที่ 0.444
% ก่อนจะปิดแดนลบที่ระดับ 0.4559%

 

·         Reuters เผย มุมมองนักวิเคราะห์ คาดอาจเห็นการขึ้นดอกเบี้ย หลังจากที่เฟดตัดสินใจลดการเข้าซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้รายเดือนที่รวมมูลค่า 1.2 แสนล้านเหรียญ/เดือนในปัจจุบัน


การดำเนินการดังกล่าวถูกคาดว่า จะเริ่มต้นขึ้นช่วง “กลางเดือนพ.ย.” หรือ “กลางเดือนธ.ค.”

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจและจับตาใกล้ชิดไปยังรายงาน “จ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ” (Non-Farm Payrolls) ประจำเดือนต.ค. ในคืนวันศุกร์นี้

 

·         รายงานล่าสุด เผย นายไบเดน จะทำการประกาศว่าที่ประธานเฟดคนต่อไป อย่างรวดเร็วและเป็นกลาง ซึ่งในรายชื่อที่ถูกเสนอมีโอกาสเห็น “นายเจอโรม โพเวลล์” ประธานเฟดคนปัจจุบันอาจได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 2

อย่างไรก็ดี หลายๆฝ่าย คาดว่าอาจต้องใช้เวลาในการเลือกประธานเฟดของนายไบเดน และต้องรอความชัดเจนจากการลงมติของวุฒิสภาก่อนที่นายโพเวลล์ จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งปัจจุบั

 

·         CNBC เผย เดโมแครตใกล้บรรลุข้อตกลงราคายา ท่ามกลางร่างงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ใกล้สิ้นสุด


·         “โจ แมนชิน” สมาชิกเดโมแครต ชี้ ความคืบหน้าครั้งใหม่ของการดำเนินนโยบายของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แต่สมาชิกบางรายยังคงขวางพยายามการผลักดันร่างกฎหมายที่เป็นหัวใจสำคัญของ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรื่องแผน Build Back Better เกี่ยวกับกรอบการใช้จ่ายทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศมูลค่า 1.75 ล้านล้านเหรียญ ที่ยังไม่เห็นด้วยกับแนวทางของร่างกฎหมายนี้

 

·         อดีตนักการทูตชี้ ข้อพิพาทบริเวณพรมแดน “จีน-อินเดีย” จะยังไม่สามารถหาข้อยุติได้ในเร็วๆนี้

 

·         รายงานจาก Reuters ระบุว่า สถานการณ์ขาดแคลนถ่านหินในจีนคลี่คลายลง หลังจากที่รัฐบาลจีนเข้าแทรกแซง

 

·         น้ำมันดิบปิดผสมผสานก่อนทราบรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ และการประชุม OPEC+

 

ราคาน้ำมันดิบมีการซื้อขายต่ำกว่า 85 เหรียญ/บาร์เรล แต่ภาพรวมยังปิดแถวระดับสูงสุดรอบ 3 ปี ขณะที่ Reuters Polls คาดว่ารายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯคืนนี้จะเห็นการเพิ่มขึ้นราว 1.6 ล้านบาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิด -14 เซนต์ หรือ -0.2ที่ 83.91 เหรียญ/บาร์เรล โดยช่วงต้นตลาดปรับตัวลงไปกว่า 1 เหรียญ

น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น +1 เซนต์ ที่ระดับ 84.72 เหรียญ/บาร์เรล และภาพรวมมีการเคลื่อนไหวค่อนข้างเป็นแดนลบวานนี้

  

·         COVID-19 UPDATES:

ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 360,000 ราย ส่งผลให้ยอดสะสมทั่วโลกยังสูงแตะ 248.24 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมแตะ 5.02 ล้านราย



 

·         รายงานล่าสุดจาก CDC สหรัฐฯ มีการอนุมัติใช้วัคซีน Pfizer เพื่อฉีดป้องกัน Covid-19 แก่เด็กอายุระหว่าง 5 -11 ปี

 

·         ติดเชื้อใหม่ในไทยวันนี้พบเพิ่ม 7,679 ราย และเสียชีวิตใหม่ 56 ราย


·         นักบริหารการเงิน ระบุว่า เงินบาทวันนี้พลิกอ่อนค่า! เปิดเช้านี้ที่ 33.28 บาท/ดอลลาร์ นักลงทุนแห่เก็งกำไรดอลลาร์

ท่ามกลางตลาดคาดเฟดเตรียมส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินเข้มงวดหนุนนักลงทุนเข้าเก็งกำไรดอลลาร์ จับตาดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการสหรัฐฯ

มองกรอบเงินบาทวันนี้ระหว่าง 33.20 – 33.40 บาท/ดอลลาร์

 

·         อ้างอิงจากประชาชาติธุรกิจ

KKP Research ชี้ เศรษฐกิจไทยเดินหน้า โดยประเมินเศรษฐกิจไทยปี 65 ฟื้นตัวระดับต่ำอยู่ที่ 3.9% คาดนักท่องเที่ยวทยอยกลับมาอย่างช้าๆ ปี 65 อยู่ที่ 5.8 ล้านคน จากก่อนโควิดปีละ 40 ล้านคน มอง 3 ปัจจัยหลักฉุดท่องเที่ยวฟื้นตัวจำกัด ชี้จับตาความเสี่ยงเงินเฟ้อ-เศรษฐกิจจีนชะลอตัว-ดอกเบี้ยไทยถูกดัน

 

TDRI ชงรัฐปรับโมเดลประเทศ สร้างเศรษฐกิจคุณภาพ ดันจีดีพีโต 5%
TDRI เผยเศรษฐกิจไทยค่อยๆ เติบโตลดลง เหลือ 2.6% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ชงรัฐปรับโมเดลพัฒนาประเทศ “ฟื้นฟู-ต่อเติม” สร้างเศรษฐกิจคุณภาพ ดันจีดีพีโต 5% ไปอีก 20 ปีข้างหน้า


·         อ้างอิงจากโพสต์ทูเดย์

- วิจัยกรุงศรีคาดเศรษฐกิจไทยเริ่มทยอยฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 ผลจากส่งออกและมาตรการหนุนการบริโภคในประเทศ



  


ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการส่งออกของไทยขยายตัวดีต่อเนื่อง ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญเป็นผลจากปัจจัยทางด้านปริมาณการส่งออกที่สูงขึ้นมากกว่าปัจจัยทางด้านราคาที่ปรับขึ้น บ่งชี้ถึงภาคการผลิตของไทยยังมีสัญญาณเชิงบวก



โดยในระยะข้างหน้าวิจัยกรุงศรีคาดว่าการส่งออกของไทยในเชิงปริมาณจะยังเติบโตได้ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์โลก การคลี่คลายของปัญหา Supply disruption ในอาเซียน และการทยอยเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ ล่าสุด WTO ปรับเพิ่มคาดการณ์ปริมาณการค้าโลกในปีนี้และปีหน้าขยายตัว 10.8% และ 4.7% (จากเดิมคาด 8.0% และ 4.0%) ตามลำดับ การส่งออกจึงนับเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย วิจัยกรุงศรียังคงคาดการณ์มูลค่าการส่งออกปี 2564 เติบโตที่ 13.5% บนฐานข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ (และ 15% ฐานข้อมูลธปท.) อย่างไรก็ตาม หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และน้ำมันดิบในตลาดโลกยังทรงตัวในระดับสูง อาจหนุนให้การส่งออกในปีนี้มีมูลค่าสูงกว่าที่คาดได้




บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com