· หุ้นทั่วโลกทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนทราบผลประชุมเฟด
ตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเอเชีย ขณะที่ตลาดค่าเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวค่อนข้างทรงตัว
ตลาดเกือบจะแน่ใจว่าเฟดจะทำการ Tapering QE แต่กำลังมองหาสัญญาณว่าจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าหรือไม่
ดัชนี MSCI ทั่วโลก ปรับลดลง 0.01% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันอังคาร เนื่องจากหุ้นยุโรปในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นจากกำไรของบริษัทที่แข็งแกร่ง
ดัชนีในภูมิภาคเอเชียมีการอ่อนตัวลงนับตั้งแต่ช่วงต้นปี และห่างจากสูงสุดเมื่อเดือนก.พ. ประมาณ 13% ตลาดลดแรงรีบาวน์จากการที่จีนปรับข้อกำหนดในช่วงฤดูร้อนนี้ จึงส่งผลต่อหุ้นตั้งแต่กลุ่มอสังหาฯ ตลอดจนเทคโนโลยี
ดัชนี MSCI ที่ไม่รวมหุ้นญี่ปุ่นร่วง 0.33% โดยได้รับผลกระทบจากการลดลงในฮ่องกงและจีน ขณพที่ตลาดญี่ปุ่นปิดทำการในวันหยุดนักขัตฤกษ์
ดัชนีฮ่องกงร่วงลง 1% และดัชนีกลุ่ม Bluechips ของจีนร่วง 0.72% นักลงทุนต่างตั้งตารอการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะจัดขึ้นในวันที่ 8-11 พ.ย.นี้
ทั้งนี้ บีโออีจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ อาจกลายเป็นธนาคารกลางรายใหญ่แห่งแรกของโลกที่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังวิกฤตโคโรนาไวรัส
· ตลาดหุ้นยุโรปเคลื่อนไหวทรงตัว ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังรอคอยถ้อยแถลงและนโยบายทางการเงินของเฟด โดยดัชนี Stoxx600 ค่อนข้างทรงตัว ด้านหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ร่วงลง 1.8% ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เพิ่มขึ้น 1.4%
อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วม ภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 64 ดีขึ้นมาอยู่ในกรอบ 0.5-1.5% จากเดิมที่คาดว่าจะ ขยายตัว 0.0-1.0% เนื่องจากนโยบายเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย.64 และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของ ผู้ประกอบการและประชาชน ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ส่วนการส่งออก ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัวราว 12-14% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0-1.2% ซึ่งมอง ว่าตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ
- รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Boost Up ทุบโจทย์ใหม่เศรษฐกิจไทย" ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นช่วงที่รัฐบาลต้องทำงานแข่งกับเวลาในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน พร้อมกับพยายามรักษาให้เศรษฐกิจยังคงเดินหน้า ให้การดำเนินธุรกิจส่งออกไปได้ด้วยดี และสามารถรักษาการผลิตไว้ได้ และไม่เลิกล้มเดินหน้าเรื่องการท่องเที่ยว ด้วยการเปิดภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งมีจำนวนคืนพัก เกือบล้านคืน พร้อมกับมีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย และวันนี้เป็นช่วงเวลาที่พูดถึงเรื่อง Boost Up ประเทศไทย