· OPEC+ มีแนวโน้มคงข้อตกลงผลิตน้ำมัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิ่งหลังอิหร่านกำหนดกรอบเจรจานิวเคลียร์
· สมาชิก OPEC+ มีแนวโน้มจะคงข้อตกลงการทยอยปรับเพิ่มผลผลิต แม้จะมีแรงกดดันจากนานาชาติในการเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้มากกว่านี้
ราคาน้ำมันมีการปรับขึ้นทำสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ท่ามกลางการนำเข้าน้ำมันจากนานาประเทศที่กำลังเผชิญปัญหา และถึงแม้จะมีแรงกดดันทางการทูต แต่ OPEC+ ก็ยังไม่มีแนวโน้มจะตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันใดๆ ในการประชุมวันนี้
และแนวโน้มเหล่านี้ดูจะเป็นผลมาจากราคาพลังงานที่น่าจะปรับตัวขึ้นไปจนถึงสิ้นปีนี้ และมีโอกาสที่จะขึ้นต่อจนถึงปี 2022
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการกล่าวตำหนิการปรับเพิ่มกำลังการเพียงเล็กน้อยของกลุ่ม OPEC+ ท่ามกลางราคาพลังงานที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น
ด้านคูเวต กล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า การประชุม ณ ปัจจุบันของ OPEC+ อาจเห็นถึงแผนปัจจุบัน ในสภาวะที่ตลาดน้ำมันค่อนข้างมีสมดุลได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับถ้อยแถลงของประเทศไนจีเรีย และอัลจีเรีย ที่กล่าวในทำนองเดียวกัน
· ราคาน้ำมันดิบยังลงต่อ หลังมีข่าว "อิหร่าน" กำหนดเวลาเจรจานิวเคลียร์กับนานาประเทศ
ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลดลงต่อและสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบมีการเคลื่อนไหวต่ำกว่า 80 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่อิหร่านและชาติมหาอำนาจเห็นพ้องที่จะกลับมาเจรจานิวเคลียร์ในเดือนนี้ ซึ่งอาจช่วยทำให้สหรัฐฯถอนมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน จึงอาจยิ่งเพิ่มอุปทานน้ำมันทั่วโลกได้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับลงต่อเป็นวันที่ 3 โดยวันนี้ขยับลงอีก 92 เซนต์ หรือ -1.1% ที่ระดับ 79.94 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ Brent ปรับลงราว 80 เซนต์ หรือ -1% ที่ 81.19 เหรียญ/บาร์เรล
อย่างไรก็ดี น้ำมันดิบรายวันมีการปรับเพิ่มขึ้นมากสุดเมื่อวานนี้ โดยเป็นอัตราเปอร์เซ็นที่ลดลงมากสุดตั้งแต่เดือนส.ค. โดย Brent ปิดระดับต่ำสุดตั้งแต่ 7 ต.ค. และ WTI ปิดร่วงลงมากสุดตั้งแต่ 13 ต.ค. หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นเกินคาด
ที่มา: CNBC