MTS Help Center

ทองคำขยับขึ้น 1% ท่ามกลางเฟดส่งสัญญาณ “อดทนรอ” ขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่บีโออียังไม่ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย

·         ท่าทีที่ธนาคารกลางต่างๆส่งสัญญาณ “ไม่เร่งรีบต่อการขึ้นดอกเบี้ย” แม้เงินเฟ้อจะอยู่ระดับสูง ดูจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำปิดรายวันได้อย่างดีที่สุดในรอบ 3 สัปดาห์

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +1.3% ที่ระดับ 1,791.71 เหรียญ
หลังทำต่ำสุดรอบ 3 สัปดาห์ในวันก่อน

 

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +1.7% ที่ 1,793.50 เหรียญ

 

·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า การที่เฟดมีท่าทีไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย นับเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ ขณะที่บีโออี สร้างเซอร์ไพร์สตลาดด้วยการคงดอกเบี้ยเป็นระดับต่ำสุดประวัติการณ์ 0.1%

ดังนั้น ในภาพรวมแวลานี้ จึงมีโอกาสเห็นทองคำปรับขึ้นไปถึง 1,800 เหรียญได้ จาก “ความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนในตลาด รวมทั้งภาพทาง “เทคนิค”

·         นักวิเคราะห์จาก Independent กล่าวว่า อุปสงค์ทองคำกำลังเป็นปัจจัยหนุนสภาวะตลาด ท่ามกลางเทศกาลเดวาลีของอินเดียเวลานี้ ที่โดยส่วนใหญ่มักมียอดขายช่วยสนับสนุนราคาทองคำ

·        กองทุน SPDR ขายทองคำต่ออีก 2.66 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 975.41 ตัน ถือเป็นต่ำสุดตั้งแต่ 3 เม.ย. ปี 2020

รวมตลอด 4 วันทำการแรกของเดือนพ.ย. ขายออกแล้วทั้งสิ้น 6.73 ตัน ถือเป็นการเทขายต่อเนื่อง 5 เดือนติด

·         ซิลเวอร์ปิด +1.2% ที่ระดับ 23.76 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด +0.1% ที่ระดับ 2,001.18 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -0.2% ที่ระดับ 1,026.56 เหรียญ

 

·         ราคาอะลูมิเนียมร่วงกว่า 20% หากนับจากสูงสุดรอบ 13 ปี ที่ทำไว้ช่วงกลางเดือนต.ค. ที่ระดับ 3,229 เหรียญ/ตัน หลังจีนมีการเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิงถ่านหิน

ราคาอะลูมิเนียมในตลาด LME ปิด -3.7% ที่ระดับ 2,559 เหรียญ/ตัน
ด้านราคาถ่ายหินในจีนก็มีการปรับตัวลงมาแล้วไม่น้อยกว่า 50%

 

·         ดอลลาร์รีบาวน์ เหตุนักลงทุนแห่ซื้อในจังหวะราคาต่ำ หลังเฟดตอกย้ำ “เงินเฟ้อชั่วคราว” และ “บีโออียังไม่ขึ้นดอกเบี้ย”  
ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์รีบาวน์กลับจากต่ำสุดที่ 93.80 จุด ช่วงเฟดประกาศผลประชุม โดยวานนี้รีบาวน์มาที่ 94.25 จุด ซึ่งเป็นสูงสุดตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯร่วง หลังเฟด “อดทนรอ” ต่อการขึ้นดอกเบี้ย และบีโออีตัดสินใจคงดอกเบี้ย

U.S. 10 Yield ที่ทำสูงสุดแถว 1.609% ช่วงต้นตลาด กลับมาทำต่ำสุดตั้งแต่ช่วงกลางต.ค. บริเวณ 1.509% ซึ่งเป็นการปรับลงมากสุดตั้งแต่ 19 ก.ค. ล่าสุดปิดตลาดที่ 1.5209% เมื่อคืนนี้

U.S. 2 Yield หลังทำสูงสุดรอบ 19 เดือนที่ 0.5640% รับกระแสคาดเฟดเผยกรอบขึ้นดอกเบี้ยปี 2022 ในสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดเมื่อคืนนี้ก็ปิดลงทำต่ำสุด 0.391% และปิดตลาดที่ 0.4125%

 

 

·        ข้อมูลจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯยังคงลดลงทำต่ำสุดในยุคไวรัสระบาด และยังออกมาดีกว่าคาดแตะ 269,000 ราย

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอคอยข้อมูลการประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯ คืนนี้ ที่คาดว่าจะออกมามากถึง 450,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากที่เดือนก.ย.มีการจ้างงานออกมาแย่กว่าคาดอย่างมากมีเพียง 194,000 ตำแหน่ง

 

·         ต้นทุนด้านแรงงานสหรัฐฯช่วงไตรมาสที่ 3  เพิ่มสุงขึ้นแตะ 8.3% เมื่อเทียบรายปี แต่ประสิทธิผลปรับลงมากสุดตั้งแต่ปี 1981 ส่งสัญญาณการขึ้นของเงินเฟ้ออาจเป็นแค่ระยะเวลาหนึ่งในช่วงนี้

 

·         สมาชิกผู้นำเดโมแครตยังไม่มั่นใจต่อแผนค่าใช้จ่ายด้านสังคมและปัญหาโลกร้อนของนายไบเดน มูลค่า 1.75 ล้านล้านเหรียญ บ่งชี้ความไม่แน่นอนต่อโอกาสจะผ่านสภาฯมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ภาพรวมสมาชิกพรรคเดโมแครตต้องการที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว และมาตรการโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญ ให้ได้ภายในช่วง Thanksgiving ปลายเดือนนี้ และคาดอาจมีการลงมติในเร็วๆนี้

 

 

·         ธนาคารกลางอาร์เจนตินา เผย สถาบันการเงินต่างๆไม่มีการเพิ่มการสำรองค่าเงินดอลลาร์

 

·         COVID-19 UPDATES:

ยอดโควิดทั่วโลก 5 พ.ย.64 ติดเชื้อเพิ่ม 493,5290 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 7,131 ราย

 

·         WHO เตือน ยุโรปอาจเป็น “ศูนย์กลางการระบาด” Covid-19 อีกรอบ

 

·         ยาเม็ดรักษา Covid-19 จากบริษัท Merck ได้รับการอนุมัติแล้วในอังกฤษ สร้างโอกาสพลิกสถานการณ์ต่อสู้กับการระบาด

 

·         โควิดไทยวันนี้ ติดเชื้อใหม่ 8,148 ราย เศร้าเสียชีวิต 80 ราย หายป่วย 8,238

 

·         อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "แข็งค่า" ที่ระดับ  33.34 บาท/ดอลลาร์

นักบริหารการเงินระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท "แข็งค่า" ขึ้นตาใมราคาทองคำแนวต้านสำคัญยังอยู่ในโซน 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ส่งออกบางส่วนต่างรอขายเงินดอลลาร์

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.25-33.40 บาท/ดอลลาร์

 

·         โฆษกรัฐบาลเผย รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนกันยายน สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือนกันยายน เปิดเผยตัวเลข สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น อาทิ ด้านการท่องเที่ยว โดยในเดือน ก.ย. 64 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจำนวน 12,237 คน ขยายตัวที่ร้อยละ 100.0 ต่อปี ทั้งนี้ รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 14.8 ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่รัฐบาลจัดเก็บได้ ณ ระดับราคาคงที่ในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 8.6 ต่อปี ภาคการส่งออกสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 16.3 ต่อปี ด้านภาคการเกษตร ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือน ก.ย. 64 ขยายตัวที่ร้อยละ 4.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน