• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564

    9 พฤศจิกายน 2564 | Gold News


ทองคำทะยานทำสูงสุดรอบ 2 เดือนจากดอลลาร์อ่อนค่า

 

·         ราคาทองคำปรับขึ้นทำสูงสุดรอบ 2 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจาก
1) การอ่อนค่าของดอลลาร์จากระดับสูงสุดรอบ 15 เดือนที่ทำไว้เมื่อวันศุกร์
โดยดัชนีดอลลาร์เมื่อคืนนี้ปิด -0.07
% ที่ 94.147 จุด ท่ามกลางนักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและเฟด

2) เฟดมีท่าที
 Wait-and-See ในการปรับนโยบายให้เหมาะสมกับเงินเฟ้อ และยังอดทนรอต่อการขึ้นดอกเบี้ย

3) ตลาดวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หนุนความต้องการทองคำ

4) นักลงทุนจับตาข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (
CPI) สหรัฐฯเดือนต.ค. ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้ 20.30น.



5)
 Reuters เผยผลสำรวจจากเฟดนิวยอร์กชี้ รายได้ผู้บริโภคและค่าใชจ่ายผู้บริโภค มีแวนโน้มทำสูงสุดรอบ 8 ปี จึงอาจหนุนเงินเฟ้อช่วง 1 ปี ปรับขึ้นต่อเนื่องไปถึง 5.7จาก 5.3ในเดือนก.ย. ได้  ด้านนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนก็มองว่าอาจเห็นดัชนี CPI รายปีแตะ 5.8% ในเดือนต.ค. จะถือเป็นการขยายตัวต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน

6) บรรดาธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังคงการใช้นโยบายผ่อนคลาย และยังมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ จึงช่วยหนุนทองคำและซิลเวอร์


·         ราคาทองคำตลาดโลกปิดแดนบวกต่อเนื่อง 3 วันทำการ โดยเมื่อคืนนี้ปิด +0.5% ที่ 1,825.64 เหรียญ ถือเป็นสูงสุดตั้งแต่ 7 ก.ย.

 

·         สัญญาซื้อขายทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.6% ที่ 1,828 เหรียญ

 

·         ซิลเวอร์ปิด +1.2ที่ระดับ 24.45 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด +2.3% ที่ระดับ 1,057.75 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด +1.7% ที่ 2,069.10 เหรียญ

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Kitco มองสภาวะตลาดทองคำและซิลเวอร์ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ รวมถึงภาพรวมนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆที่เป็นไปแบบ Dovish Tone

 

·         รองประธานฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์และค่าเงินจาก Religare Broking กล่าวว่า ข้อมูลเงินเฟ้อคืนวันพุธนี้ค่อนข้างสำคัญต่อทองคำ และเราอาจเห็นเงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 ได้ และนี่จะมีแนวโน้มกระตุ้นให้เกิดการเข้าซื้อทองคำมากยิ่งขึ้น

 

·         Bitcoin ทำสูงสุดประวัติการณ์ ท่ามกลางตลาดซื้อขายที่มี Market Cap ทะลุ 3 ล้านล้านเหรียญ

·         Fed Report ชี้ เงินเฟ้อสูงช่วงไวรัสระบาด ประกอบกับการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน กลายมาเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากที่สุดสำหรับนักลงทุน  ขณะเดียวกันการจะใช้ Stablecoins ก็ดูจะกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นักลงทุนจับตาโอกาสที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินได้

อย่างไรก็ดี นักลงทุนก็ดูจะให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อมากกว่า ในช่วงที่การระบาดของไวรัสคลี่คลายลงไป เพราะอาจมีผลต่อความเสี่ยงทางการเงินเช่นกัน

 

·         ถ้อยแถลงสมาชิกเฟดส่วนใหญ่ มุ่งให้ความสนใจเรื่อง “ดอกเบี้ย” , “ตลาดแรงงาน” และ “เงินเฟ้อ”

- นายริชาร์ด แคลริด้า รองประธานเฟด ระบุว่า ยังอีกนานกว่าเฟดจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย
เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยอาจอยู่ระหว่างช่วงสิ้นปี 2022 ได้ ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจจะช่วยให้อัตราว่างงานแตะ 3.8
% ได้ภายในช่วงสิ้นปีหน้า

- นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีหน้า ท่ามกลางตลาดแรงงานที่เผชิญกับเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้น ท่ามกลางค่าแรงและค่าชดเชยรายได้ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

- นางมิเชล โบว์แมน หนึ่งในสมาชิกผู้ว่าการเฟด เล็งเห็นความเสี่ยงตลาดแรงงาน และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ พร้อมระบุถึงตลาดแรงงานที่ดูจะร้อนแรงมากเกินไป รวมถึงกังวลว่าปัญหาห่วงโซ่อุปทานจะยิ่งผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่

นอกจากนี้ เธอยังมองว่า ไม่มีแนวโน้มที่เฟดจะทำค่าเงินดิจิทัลธนาคารกลางตอนนี้

นายแพทริก  ฮาร์เกอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดเฟีย ไม่คาดหวังจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าการทำ
 Tapering QE จะสิ้นสุดลง แต่ก็พร้อมจับตาเงิเนฟ้ออย่างใกล้ชิด

- นายชาร์ล อีวานส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก มอง เงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูงในเวลานี้ มีแนวโน้มเป็นเพียงภาวะชั่วคราว และจะ “ไม่มีการขึ้นดอกเบี้ย” จนกว่าจะถึงปี 2023

·         นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด ชี้การลดความเหลื่อมล้ำทางเพศจะช่วยหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสตรีดูจะได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างงานในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังเกิด Covid-19 ระบาดมากกว่าเพศชาย

 

·         ตลาดหุ้นทั่วโลกทำ New Record Highs ท่ามกลางราคาน้ำมันขึ้นรับภาวะการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงการผ่านร่างกฎหมายค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ

 

·         บรรดานักลงุทนมีการเข้าถือครองหุ้นกุล่มโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของนายไบเดน

 

·         ดัชนี S&P500 ปิดเหนือ 4,700 เหรียญได้เป็น “ครั้งแรก” รับการผ่านร่างโครงสสร้างพื้นฐาน

·          อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 1.4984 จากโครงสร้างพื้นฐานไบเดนและการประมูลพันธบัตรระยะสั้น 3 ปีอ่อนกำลัง

 

·         ทีมบริหารไบเดนคว้าชัยผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานสหรัฐฯมูลค่า 1 ล้านล้านเหรียญ คาดจะเห็นนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯลงนามได้ในสัปดาห์นี้

อย่างไรก็ดี นายไบเดน ยังคงกดดันสมาชิกสภาคองเกรสในการอนุมัติร่างกฎหมายแพ็คเกจค่าใช้จ่ายที่แยกสำหรับด้านสภาพอากาศ และความปลอดภัยด้านสังคม หรือที่เรียกว่า 
Build Back Better ภายใต้วงเงิน 1.75 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งยังคงโต้เถียงกันอย่างร้อนแรงในสภาเวลานี้

 

·         บรรดารัฐมนตรีการคลังอียู เห็นพ้องต่อมุมมองเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปัจจุบันนั้นมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงในปีหน้า ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะที่เป็นผลจากการระบาดจำเป็นต้องปรับลดลงด้วยวิธีการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิ

ทั้งนี้ เงินเฟ้อยุโรปปรับขึ้นแตะ 4.1
% เมื่อเทียบรายปีในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้นจาก 3.4% เมื่อเดือนก.ย. ซึ่งส่งผลให้บรรดารัฐมนตรีต่าๆง เริ่มต้นกังวลว่าการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของราคาพลังงานและค่าแรงอาจยิ่งก่อให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้นอีก

 

·         หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี คาด เงินเฟ้อยูโรโซนจะอ่อนตัวลงในปีหน้า และระยะกลางน่าจะลดลงมากขึ้น

 

·         ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษหรือบีโออี ย้ำ จะดำเนินการขึ้นดอกเบี้ยหากเห็นความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น

 

·         เศรษฐกิจฝรั่งเศสจะขยายตัวได้ 0.75 ในไตรมาสที่ 4/2021 


·         COVID-19 UPDATES:

ยอดติดเชื้อทั่วโลก

 


 

สถานการณ์ในไทย 9 พ.ย. 64


 

·         นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันนี้ไว้ที่ 33.00 - 33.15 บาท/ดอลลาร์ หลังวานนี้ปิดแข็งค่าจากนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทยประมาณ 4,900 ล้านบาท ด้านตลาดโลกยังทรง ตัว เนื่องจากตลาดรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ช่วงกลางสัปดาห์นี้

 

·         อ้างอิงจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์
- ส.อ.ท. ปลื้มดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ ฟื้น 2 เดือนต่อเนื่อง เร่งรัฐฉีดวัคซีน จว.ท่องเที่ยวรับเปิดประเทศ แก้ปัญหาราคาพลังงาน

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น าคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.64 อยู่ที่ระดับ 82.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 79.0 ในเดือน ก.ย.64 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค ขณะที่องค์ประกอบของดัชนีฯ เพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ยกเว้นต้นทุนประกอบการ

- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าหากไม่มีการระบาดหนักอีก ตลาดไทยเที่ยวไทยในปี 2565 น่าจะมีจำนวนประมาณ 109-155 ล้านคน-ครั้ง ฟื้นตัวจากปี 2564 ที่ราว 66.71 ล้านคน-ครั้ง ภายใต้บรรยากาศที่เอื้อต่อการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คาดว่าในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 นี้ คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ขณะที่ทั้งปี 2564 คนไทยเที่ยวในประเทศ จะมีจำนวน 66.71 ล้านคน-ครั้ง

 

KKP Research แนะเร่งพัฒนา Modern Services หลังมองท่องเที่ยวอาจฟื้นช้ากว่าคาด



- ออมสิน จับมือหอการค้าฯ หนุนสินเชื่อช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุน ฟื้นธุรกิจรับเปิดประเทศ



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com