• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564

    12 พฤศจิกายน 2564 | Gold News


ทองคำปรับตัวขึ้นทำสูงสุดรอบ เดือน จากกังวลเงินเฟ้อหนุนความต้องการทอง

·         ราคาทองคำปิด +0.6% ที่ 1,861.39 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +0.8% ที่ระดับ 1,863.90 เหรียญ


 

·         ซิลเวอร์ปิด +2.4% ที่ระดับ 25.21 เหรียญ
เป็นระดับปิดสูงสุดตั้งแต่ ส.ค.

 

·         แพลทินัมปิด +1.9% ที่ระดับ 1,087.35 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด +2% ที่ระดับ 2,060.21 เหรียญ


·         ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้กว่า 2% ในวันพุธที่ผ่านมาไปทำสูงสุดตั้งแต่ช่วงกลางดือนมิ.ย. อันเป็นผลจากข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ โดยดัชนี CPI ทะยานทำสูงสุดรอบ 31 ปีในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ตอกย้ำสัญญาณเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อไปในปี 2022

 

·         นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า ตลาดตอบรับข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ยังอยู่ระดับสูง ขณะที่เทรดเดอร์เข้าถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

ดังนั้น จึงทำให้มองโอกาสเห็นทองคำมีลุ้นไปถึง
 1,900 เหรียญได้

 

·         ราคาทองคำยังคงทำสูงสุดใหม่หลังจากที่ปรับขึ้นช่วง 2-3 วันก่อนหน้ารับกระแสธนาคารกลางต่างๆในสัปดาห์ที่แล้วมีท่าทีคงดอกเบี้ยระดับต่ำ นำโดยเฟดที่มีท่าทีมองเงินเฟ้อเป็นเพียงชั่วคราว

ขณะที่ล่าสุด เริ่มเห็นบรรดาสมาชิกเฟดบางราย เริ่มออกมากล่าวในเชิงกังวลว่าเงินเฟ้ออาจปรับขึ้นสูงเป็นเวลานานมากขึ้น

 

 

·         SPDR GOLD HOLDINGS:

SPDR กลับมาซื้อทอง 0.58 ตัน หลังจากที่ไม่ได้ทำอะไรมาต่อเนื่อง วันทำการ ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาที่ 975.99 ตัน


 


·         ดอลลาร์ทำสูงสุดรอบ 16 เดือน ตลาดหุ้นรีบาวน์กลับ หลังเผชิญเงินเฟ้อร้อนแรง

ขณะที่ล่าสุดดูเหมือนตลาดหุ้นจะมองโอกาสการเพิ่มขึ้ของเงินเฟ้อน่าจะช่วยหนุนผลประกอบการบริษัทได้

ดัชนีดอลลาร์ปิดแข็งค่าต่อเนื่อง วันทำการ ทำสูงสุดที่ 95.197 จุด ซึ่งถือเป็นระดับแข็งค่ามากสุดตั้งแต่ 22 ก.ค. ปี 2020 ก่อนจะปิดตลาด +0.36% ที่ระดับ 95.163 จุด

ดอลลาร์เทียบยูโรยังปิดต่ำกว่า 1.15 ดอลลาร์/ยูโร และจะเห็นถึงแนวรับถัดไปที่ 1.12 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรบขึ้นรับโอกาสทางการแข่งขันที่จะมีมากยิ่งขึ้น

ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่ามากสุดรอบ ปี ที่ระดับ 114.15 เยน/ดอลลาร์

 

·           น้ำมันดิบรีบาวน์ ปิดแดนบวก แม้ดอลลาร์จะแกร่ง

ราคาน้ำมันดิบยืนเหนือ 83 เหรียญ/บาร์เรล ได้วานนี้ก่อนจะอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยจากดอลลาร์แข็งค่า และเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ปรับขึ้นอย่างร้อนแรง ประกอบกับ OPEC+ มีการปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันปีนี้ เหตุจากราคาน้ำมันสูง

น้ำมันดิบ Brent ปิด +23 เซนต์ ที่ระดับ 82.87 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิด +25 เซนต์ ที่ระดับ 81.59 เหรียญ/บาร์เรล

 

·         Bitcoin ทำสูงสุดใหม่ที่ 69,000 เหรียญในวันก่อน ก่อนจะถูกเทขายลงมา ล่าสุดวานนี้ปิด +0.19% ที่ระดับ 65,046.30.

 

·         ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯปิดเมื่อวานนี้ เนื่องในวันทหารผ่านศึก


 

·         Nasdaq รีบาวน์ หลังเผชิญแรงเทขายจากเงินเฟ้อสูง  หุ้นบริษัท Disney ทรุด กดดันดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 150 จุด

ด้านหุ้นยุโรปปิดบวกหลัง Goldman Sachs ระบุว่า ผลประกอบการในภูมิภาคยุโรปยังคงแกร่งแม้จะเผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทาน รับมุมมองนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มองผลกระทบจากเงินเฟ้อจะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็จะให้ผลบวกต่อผลกำไรบริษัท


 

·         คณะกรรมาธิการอียูปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนปีนี้สูงขึ้น 5% และมองปีหน้ายังแกร่ง โดยน่าจะขยายตัวได้ 4.3% และปี 2023 คาดโตได้ 2.4%

ขณะที่คาดการณ์ในเดือนเม.ย. มองว่าจีดีพียูโรโซนปีนี้จะโตเพียง 4.3%

·         ธนาคารกลางเม็กซิโกตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5% เป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุม ครั้งติด เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 

·         แหล่งข่าวเผย “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน จะทำการเชิญ “ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าร่วมงาน Winter Olympics เดือน ก.พ.

ตลาดจับตาการเรียนเชิญครั้งนี้ เพราะดูจะเป็นความท้าทายแก่นายไบเดน ว่าจะลดปัญหาหรือคงท่าทีตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ รวมถึงจะตอบรับกับคำเชิญนี้กรือไม่ ท่ามกลางทีมบริหารของเขาที่ยังคงเข้มงวดกับจีนในเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน

 

·         ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทมาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า การเดินทางท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่ดีมาก

ขณะนี้ 20% ของตลาดชั้นนำทั่วโลกมีการเดินทางคิดเป็น 70% ของระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเพิ่มขึ้น 30% ส่วนการเดินทางของสหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดและเพิ่งเปิดพรมแดนในสัปดาห์นี้นั้น อยู่ที่ 50% ของระดับก่อนเกิดโรคระบาด ซึ่งทั้งหมดอยู่ในช่วงขาขึ้น เนื่องจากประชาชนจะออกมาเดินทางท่องเที่ยว

 

 

·         Covid-19 Updates:


 


ติดเชื้อใหม่ทั่วโลกยังเพิ่มสูงเกือบ 500,000 รายวานนี้ ส่งผลให้ทั่วโลกมียอดติดเชื้อสะสม 252.61 ล้านราย และเสียชีวิตสะสมรวมกว่า 5.09 ล้านราย


·         เยอรมนีพอใจกับการรับมือ Covid-1 9 แต่จำนวนยอดติดเชื้อใหม่รายวันดูจะส่งสัญญาณเตือนถึงการระบาด


 

·         Moderna เผย ประสิทธิภาพวัคซีนช่วยลดติดเชื้อมากกว่า Pfizer แต่พบอัตราการเกิดโรคกล้ามเนื้ออักเสบในกลุ่มวัยรุ่นชายสูง


 

·         ยอดโควิด-19 วันนี้ ยังต้องติดตาม หลังพบติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 7,305 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต 51 ราย ไม่รวม ATK อีก 2,851 ราย สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ไทยนั้นยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด




·         10 วันต่างชาติแห่เข้าไทย 3 หมื่นคน ติดโควิด 35 คน 10 ประเทศมามากสุด
อันดับ 
ยังเป็นสหรัฐอเมริกา 3,864 คน รองลงมาเป็นเยอรมนีและสหราชอาณาจักร ขณะที่ “ระยอง” ติดท็อป 10 จังหวัดป่วยมากสุด ส่วนยอดผู้เสียชีวิต กทม.และปริมณฑล ลดฮวบเหลือแค่ รายเท่านั้น


 

·         "อนุทิน"เผยไทยพร้อมนำเข้าวัคซีนโควิด GEN2 หากมีการพัฒนาและใช้งานจริงได้สำเร็จ เพื่อป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ ย้ำสถานการณ์ไทยดีขึ้น


 

·         ถ้าโควิด-19 ไม่ระบาดซ้ำ ปี 65 การท่องเที่ยวไทยจะกลับมาฟื้นตั


 

·         ธปท.ยันเงินบาทแข็งค่าระยะสั้น ไม่พบสัญญาณฟันด์โฟลว์ผิดปกติ
หากดูต้นปีบาทยังอ่อนค่า 6-7% ยันไม่มีสัญญาณเงินไหลเข้าผิดปกติ ด้านเงินเฟ้อเร่งตัวสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยชั่วคราว หลังราคาพลังงานเร่งตัวสูง-ปัญหาขาดแคลนซัพพลาย คาดต้นปี’65 ปัญหาน่าจะคลี่คลายได้ ตามมาตรการตรึงราคา-ลดค่าไฟรัฐ ยันไม่มีผลต่อนโยบายการเงิน ด้านทิศทางเศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ-คลายล็อกดาวน์ หลังผ่านจุดต่ำสุดไตรมาสที่ 3


 

·         เมื่อวานนี้เงินบาทปิด 32.90 อ่อนค่าเล็กน้อยตามทิศทางตลาด คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.80-33.00 บาท/ดอลลาร์



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com