• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564

    19 พฤศจิกายน 2564 | Gold News

ทองร่วงรับนักลงทุนมองผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังแกร่ง และเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดท่ามกลางเงินเฟ้อสูง!

 

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.4% ที่ 1,858.76 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.5% 1,861.4 เหรียญ

 

·         ซิลเวอร์ ปิด -1.1% ที่ 24.78 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด -1.4% ที่ 1,042.88 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด -1.4ที่ 2,157.17 เหรียญ

 

·         ภาพรวมแม้ราคาทองคำจะปิดปรับตัวลดลงแต่ก็ยังทรงตัวได้ดี หลังไปทำสูงสุดรอบ 5 เดือนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

·         นักกลยุทธ์อาวุโสจาก RJO Futures กล่าวว่า 1 ในเหตุผลสำคัญที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำ คือ เฟดอาจยังยากต่อการดำเนินการตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย จึงทำให้เราเห็นทองคำรีบาวน์ได้ แต่กระแสดอกเบี้ยก็ยังจำกัดการปรับขึ้นของราคาทองคำอยู่บ้าง

 

·         รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ สะท้อนผลที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนไวรัสระบาดมากขึ้น จึงลดความต้องการถือครองทองคำ เพราะถึงแม้ข้อมูลรายสัปดาห์จะสะท้อนการปรับตัวลดลงไปเพียง 1,000 รายเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับ 268,000 ราย (น้อยกว่าคาด) แต่ก็ยังตอกย้ำภาวะตลาดแรงงานยังมีความแข็งแกร่ง และจำนวนคนว่างงานปรับตัวลดลง





ยอดรวมเฉลี่ย 4 สัปดาห์ จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดความผันผวนลง ขณะที่การขอรรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงมาอีก 129,000 ราย สู่ระดับ 2.08 ล้านราย ลดต่ำลงเข้าใกล้ช่วงไวรัสระบาดระยะแรก 14 มี.ค. ปีที่แล้ว

·         ข้อมูลจากเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย สะท้อนกิจกรรมการผลิตยังแกร่งเกินคาด และมีสัญญาณสะท้อนถึงสัญญาณเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้น  จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับค่าแรงและผลตอบแทนที่ได้รับในระดับที่สูงขึ้น

·         นักวิเคราะห์บางรายมองกระแสเฟดขึ้นดอกเบี้ย กดดันทองคำ

·         สมาชิกเฟดเริ่มประเมินการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แต่อาจจำเป็นต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมในอีก 2-3 เดือน ในขณะที่เงิเนฟ้อสูง และเศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

·         นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้าใกล้การตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่  ประกอบกับช่วงต้นสัปดาห์ นายไบเดน เผยอาจประกาศผลการตัดสินใจได้ในวันนี้


·         นักวิเคราะห์จาก Activ Trades มองว่า ณ เวลานี้ ยังยากที่จะบอกว่าทองคำจะไปทางไหน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับทิศทางดอลลาร์ที่แข็งค่า และการรับมือของเฟด รวมถึงธนาคารกลางต่างๆ ต่อทิศทางเงินเฟ้อ

·         ผลสำรวจรอยเตอร์ คาดโอกาสเฟดจะเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2022 และเงินเฟ้อมีแนวโน้มจะสูงกว่าเป้าหมายจนถึงปี 2024

·         JP Morgan มองโอกาสเฟดจะเริ่มต้นขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกราวเดือน ก.ย. ปี 2022 ซึ่งน่าจะตัดสินใจปรับขึ้นอีก 0.25% และมีแนวโน้มจะเห็นเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยต่อจากนั้นอีก 0.25ในทุกๆไตรมาส  

·         ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ปรับอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดรอบ 16 เดือน โดยเหล่าเทรดเดอร์มองโอกาสดอลลาร์จะแข็งค่าต่อได้หรือไม่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับมุมมองเฟดในการจัดการกับเงินเฟ้อ

ดัชนีดอลลาร์ปิด -0.272
% ที่ 95.553 จุด หลังวันพุธทำแข็งค่ามากสุดตั้งแต่กลางเดือนก.ค. ปีที่แล้วบริเวณ 96.226 จุด

ค่าเงินยูโรปิด +0.45
กลับแข็งค่ามาที่ 1.13695 ดอลลาร์/ยูโร หลังลงไปทำอ่อนค่ามากสุดรอบ 16 เดือนหลุด 1.13 ดอลลาร์/ยูโรในคืนวันพุธ

ค่าเงินปอนด์ปิดแข็งค่า +0.1
ที่ 1.3494 ดอลลาร์/ปอนด์ ตอบรับทิศทางเงินเฟ้ออังกฤษ ที่อาจส่งผลให้บีโออีตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ค. ได้

·         นักวิเคราะห์จาก CBO มองแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสังคมและภูมิอากาศของนายไบเดน ใกล้เข้าสู่การลงมติของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งแผนนี้อาจทยอยเพิ่มยอดขาดดุลได้

·         ค่าเงินลีราของตุรกียังทำ All-Time Low แตะ 10.98 ตุรกี/ดอลลาร์ ก่อนที่ธนาคารกลางตุรกีจะตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย  ซึ่ง Reuters Poll คาดอาจเห็นธนาคารกลางตุรกีลดดอกเบี้ยอีก 1สู่ระดับ 15% ตามแรงกดดันทางการเมืองได้

 

·         สหรัฐฯจะร่วมหารือเรื่องการปล่อยน้ำมันสำรองด้านยุทธ์ศาสตร์กับจีน และนานาประเทศ

 

·         OPEC+ มีกำหนดการประชุมในวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งอาจเห็นการตรึงข้อตกลงการทยอยปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่อาจเห็นมุมมองการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีความเปราะบางมากขึ้น โดยมีอุปทานเพิ่มสูง
 

·         ไบเดน เผย กำลังพิจารณาเรื่องการบอยคอตทางการทูตต่อการจัดกีฬาโอลิมปิกของจีน

·         Reuters เปิดเผยรายงานให้เห็นว่า จีนมีอิทธิพลมากขึ้นในธนาคารโลกและสถาบันระดับโลกมากขึ้น ประกอบกับมีทุนมากกว่า 6.6 หมื่นล้านเหรียญ แซงหน้าญี่ปุ่นและกลายเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของระบบธนาคารเพื่อการพัฒนา และมีการเพิ่มเงินทุนสมทบ 2 แสนล้านเหรียญ แก่ประเทศยากจน
 

·         COVID-19 UPDATES:

 

ติดเชื้อสะสมทั่วโลกเพิ่มแรงเกือบ 600,000 ราย วานนี้พบติดเชื้อใหม่ 595,811 ราย โดยติดเชื้อสะสมทะลุ 256.30 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมล่าสุดอยู่ที่ 5.14 ล้านราย

ด้านรักษาหายสะสมอยู่ที่ 231.511 ล้านราย

 

·         สถานการณ์ในไทย:
- ติดเชื้อใหม่เพิ่ม 6,855 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 51 ราย
- 5 จังหวัดภาคใต้ยอดติดเชื้อใหม่พุ่ง ขณะที่เชียงใหม่รั้งอันดับ 4 ของไทย
- ศบค. เผย ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว 86 ล้านโดส กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด 113.1%
- สาธารณสุข ตั้งเป้าเร่งฉีดวัคซีนภายในอีก 12 วันที่ 100 ล้านโดสในเดือนพ.ย. ขณะที่คนไทยอีก 11 ล้านคนยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรก อาจเพราะถูกจำกัดสิทธิเข้ารับบริการในสถานที่สาธรณะบางแห่ง

 

·         ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "ทรงตัว" ที่ระดับ  32.58 บาท/ดอลลาร์

นักบริหารเงิน มองเงินบาทเริ่มแข็งค่าเข้าใกล้แนวรับสำคัญในโซน 32.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของผู้เล่นต่างชาติ   กรอบวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.65 บาท/ดอลลาร์

 

·         มุมองเศรษฐกิจไทย:

ครม. รับทราบสาระสำคัญร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 – 2570) ตามที่สศช. เสนอ โดยมีจุดมุ่งหมาย “เศรษฐกิจไทย” ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้าง

เน้นเป้าหมายในการพัฒนา "เศรษฐกิจไทย" ไม่ใช่เพียง "ปฏิรูปกฎระเบียบ" ที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจเท่านั้น แต่ความจำเป็นต้องวาง "โครงสร้างพื้นฐาน" เพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจปรับตัว ประชาชนตอบสนอง และรัฐฯ มีความน่าเชื่อถือในการบริหารราชการแผ่นดิน


เศรษฐกิจไทยโตต่ำ! ผู้ว่าฯ ธปท. จี้ผนึกกำลังสร้าง “growth story”
ผู้ว่าการ ธปท.หวั่นศักยภาพเศรษฐกิจไทยตกต่ำ ชี้แนวโน้มหลังพ้นวิกฤตโควิดไปแล้วอาจโตได้แค่ 3% ต่อปี ถูกเวียดนามแซงทั้งด้าน “ส่งออก-FDI” จี้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้าง “growth story” ใหม่ หลังพึ่งพาโครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ๆ มากว่า 40 ปีไม่เปลี่ยน


- มุมมองโดยรวมของสถาบันการเงินส่วนใหญ่ ชี้ หากไม่นับเศรษฐกิจพม่า ปีนี้ไทยโตต่ำสุดในอาเซียน ตลอดจนต่ำกว่าประเทศจำนวนมากในโลก

เดือนต.ค.
 IMF ประเมินเศรษฐกิจโลกปีนี้โต 5.9% , ประเทศพัฒนาแล้วเฉลี่ยโตที่ 5.2%, ประเทศกำลังพัฒนาเฉลี่ยโตที่ 6.4%

ธนาคารโลกประเมินเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ว่าอยู่ที่ 3.4%


ต้นเดือนพ.ย. 
Forbes เผย คาดการณ์เศรษฐกิจทีจัดทำโย Conference Board ที่รวมมุมมองจากหลายสถาบัน ที่คาดเศรษฐกิจโลกเฉลี่ยปีนี้โตได้ 5.1, ประเทศพัฒนาแล้ว 5.1% , ประเทศกำลังพัฒนาเฉลี่ย 5.2% และประเทศกำลังพัฒนาในอาเซียนเฉลี่ยโต 3.1%


Ø  ธนาคารโลกมองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตเพียง 1ลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 2.2%

Ø  สำนักงานเศรษฐกิจการคลังฯ ของไทย มองจีดีพีไทยปีนี้โต 1%

Ø  Fitch คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ 0.8%

นั่นหมายความว่า หากเทียบกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศอื่น ไทยเติบโตต่ำกว่าหลายประเทศ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก ค่าเฉลี่ยของประเทศกำลังพัฒนา และค่าเฉลี่ยของประเทศในเอเชียที่อยู่ระดับเดียวกัน


สาเหตุที่หลักที่เศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยสุด เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด 19 ที่ยืดเยื้อ ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวโดยตรง ทำให้เป็นหัวจักรของเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com