MTS Help Center

ทองลงรับถ้อยแถลงสมาชิกเฟดหนุนดอลลาร์แข็ง!

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.6% ที่ 1,848.05 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด -0.5% ที่ระดับ 1,851.60 เหรียญ

 

·         ดอลลาร์แข็งค่าปิด +0.5% แถว 96.029 จุด รับถ้อยแถลงสมาชิกเฟดหนุนการขึ้นดอกเบี้ย และความกังวลเรื่องยอดติดเชื้อ Covid-19 พุ่ง หนุนความต้องการดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

 

·         ราคาทองคำปรับตัวลดลงทำต่ำสุดรอบ 1 สัปดาห์ โดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่า รับถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดที่เรียกร้องให้ยุติการทำ Tapering QE เร็วกว่าคาด เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และตอกย้ำมุมมองการใช้นโยบายเชิงคุมเข้มมากยิ่งขึ้น

 

·         นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ราคาทองคำมีการปรับตัวลดลง หลังจากที่สมาชิกเฟดมีท่าทีในเชิง Hawkish มากขึ้น และดอลลาร์รีบาวน์กลับในทิศทางแข็งค่า ประกอบกับเทรดเดอร์เวลานี้ กำลังให้ความสนใจไปยัง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าเพื่อจับสัญญาณการประเมินทิศทางของเฟดกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ย

 

·         นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกผู้ว่าการเฟด ชี้ เฟดควรจบ Tapering QE เดือนเม.ย. และเพิ่มโอกาสขึ้นดอกเบี้ยที่อยู่ใกล้ระดับศูนย์เร็วกว่าคาด หากเงินเฟ้อและจ้างงานยังคงแกร่ง

 

·      นายริชาร์ด แคลริด้า รองประธานเฟด กล่าวว่า ธนาคารกลางทั่วโลกไม่ควรใช้นโยบายที่สอดประสานกันมากเกินไป เนื่องจากการใช้นโยบายที่แตกต่างกันอาจให้ผลดีมากกว่าผลเสีย มากกว่าการดำเนินนโยบายการเงินที่คล้ายคลึงกันทั่วโลกอย่างเห็นได้ชัด

 

·         ตลาดหุ้นแกว่งลงหลังจากที่มีข่าวว่าออสเตรียจะกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดหรือ Lockdown เต็มรูปแบบ จากสถานการณ์ระบาดระลอกใหม่ของยอดติดเชื้อ Covid-19 ประกอบกับสัญญาณที่เยอรมนีอาจดำเนินการเช่นเดียวกัน

 

·         นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank มองว่าสถานการณ์ Lockdown ในยุโรปยังช่วยสนับสนุนความต้องการทองคำครั้งใหม่ ประกอบกับการเคลื่อนไหวที่ร้อนแรงของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะภาพรายปีของสหรัฐฯที่ 6.2% ยังมีแนวโน้มหนุนทองคำในฐานะป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ แม้ดอลลาร์จะมีท่าทีแข็งค่าก็ตาม

 

·         กองทุน SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 8.13 ตัน ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาที่ 985 ตัน

ส่งผลให้ภาพรายเดือนของเดือนพ.ย. กลับมาเป็นสถานะซื้ออีกครั้ง โดยเดือนนี้ซื้อสุทธิ 2.86 ตัน ขณะที่ภาพรวมตั้งแต่ม.ค. – 19 พ.ย. ปัจจุบันขายสุทธิ 185.74 ตัน

 

·         ซิลเวอร์ปิด -0.6% ที่ 24.63 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปิด -1.8% ที่ 1,028.74 เหรียญ

 

·         พลาเดียมปิด -3.4% ที่ 2,060.24 เหรียญ
ถือเป็นการปรับลงสัปดาห์แรกในรอบ 3 สัปดาห์

 

·         “ไบเดน” ใกล้ เผยการตัดสินใจเลือกประธานเฟดคนใหม่ว่าจะเป็นนางลาเอล เบรนาร์ด หรือนายเจอโรม โพเวลล์ ซึ่งมีผลจะสานต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของเฟด ณ ปัจจุบันทั้งคู่

ก่อนที่นายโพเวลล์ จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนก.พ. ปีหน้า

·         สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ประเมินความเป็นไปได้ผู้ที่จะมานั่งเก้าอี้ประธานเฟดคนต่อไป ขณะที่นายไบเดน ใกล้เผยผลการตัดสินใจ และจะส่งต่อให้ทางวุฒิสภาทำการคนเฟิร์มผลการเลือกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ

 

·         ทำเนียบขาว ระบุว่า จะเปิดเผยผลการตัดสินใจในช่วงต้นสัปดาห์นี้ 
ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่อยู่แถวระดับสุงสุดรอบ 30 ปี

 

·         Reuters เผย เฟดกำลังพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินนโยบายที่เข้มงวด ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯดูกำลังจะเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง “ความล่าช้า” ในการฟื้นฟูภาคแรงงาน

 

·         “เจเรอมี  ซีเกล” ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากสถาบัน Wharton  ระบุว่า ตลาดการเงินอาจเผชิญการอ่อนตัวอย่างรุนแรง ไม่ได้เป็นการปรับฐาน แต่เป็นผลจาก “รายงานเงินเฟ้อที่เลวร้าย” มากกว่าจะเชื่อมโยงผลจากการเพิ่มขึ้นของยอดติดเชื้อไวรัส

ขณะที่จุดเปลี่ยนของตลาด น่าจะมาจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ซของนโยบายของเฟดเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ ซึ่งหากเฟดตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายกระทันหัน  ก็น่าจะเป็นผลจากเงินเฟ้อที่ออกมาย่ำแย่กว่าเดิม

 

·         แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด สร้างความกังวลและกดดันค่าเงินเปโส เม็กซิโกอ่อนค่าลง

 

·         ยูโรดิ่งกว่า 1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ปิดตลาด -0.74% ที่ 1.12895 ดอลลาร์/ยูโร ช่วงต้นตลาดอ่อนค่ามากสุดแตะ 1.1248 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นอ่อนค่ามากสุดตั้งแต่ ก.ค. ปี 2020

·         COVID-19 UPDATES:

ติดเชื้อสะสมทั่วโลกล่าสุดพุ่งทะยานแตะ 257.8 ล้านราย เสียชีวิตสะสมที่ 5.167 ล้านราย และรักษาหายสะสมเพิ่มมาที่ 232.7 ล้านราย

 

·         สถานการณ์ Covid-19 กลับมาคุกคามแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดยุโรปที่อยู่ในภาวะ Bullish

·         ออสเตรียประกาศกลับมา Lockdown เต็มรูปแบบ ขณะที่เยอรมนี เตือนถึงการอาจกลับมา Lockdown อีกครั้ง

·         สถานการณ์ระบาดในไทย ยอดยังทรงตัว โควิดวันนี้ ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 6,428 ราย เสียชีวิตอีก 49 ราย