ทองคำปรับขึ้นท่ามกลางไวรัสสายพันธุ์ใหม่กระตุ้นนักลงทุน
ราคาทองคำปิดปรับขึ้น จากความกังวลที่ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่จะกระทบต่อการฟื้นตัวต่อเศรษฐกิจโลก หนุนนักลงทุนเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย
· ทองคำตลาดโลกปิด +0.9% ที่ระดับ 1,805.26 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนธ.ค. ปิด +1.2% ที่ระดับ 1,805.20 เหรียญ
· การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่พบในแอฟริกาใต้ และมีความเป็นไปได้ที่จะลดประสิทธิภาพการรับมือของวัคซีน Covid รวมทั้งอาจแพร่ระบาดได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้อังกฤษ และยุโรป ส่งผลให้ระงับการเดินทางจากผู้ที่มาจากแอฟริกาใต้
· นักวิเคราะห์จาก QCR คือ ตลาดมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงกระทบเศรษฐกิจ จึงทำให้เกิดความต้องการทองคำในฐานะ Safe-Haven
· หุ้นยุโรปร่วงลงและปิดรายวันแย่สุดในรอบ 1 ปี
· กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ปรึกษาจาก AirGuide คาดว่า ราคาทองคำมีโอกาสลงต่อ จากโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะทำการปรับเพิ่มกรอบเวลาการลด QE แต่ประเด็นความเชื่อมั่นรัฐบาลสหัฐฯ อาจเปลี่ยนไปในเชิงลบก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม อาจกลายมาช่วยจำกัดการปรับลงของทองคำ
· แพลทินัมปิด -2.3% ที่ระดับ 972.67 เหรียญ
· พลาเดียมปิด -2.6% ที่ 1,812.28 เหรียญ
· ซิลเวอร์ปิด -0.5% ที่ 23.45 เหรียญ
· ค่าเงินเยน-ฟรังก์สวิส พุ่ง รับข่าวไวรัส Covid-19 สายพันธุ์ใหม่สร้างความวิตกกังวลแก่ตลาด
ขณะที่ช่วงเทศกาล Thanksgiving ของสหรัฐฯ ปีนี้เผชิญความผันผวนอย่างรุนแรงจากกระแส โอมิครอน และทำให้มีการลดการถือครองสถานะ Long ในดอลลาร์และยูโรมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ค่าเงินเยนปรับแข็งค่า 1% ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงทำต่ำสุดรอบเกือบ 6 ปีครึ่ง
การระบาดของสายพันธุ์ใหม่นี้ ส่งผลให้อังกฟษตัดสินใจที่จะยกเลิกเที่ยวบินในบางประเทศออกตามคำแนะนำของนักวิทยาศาสตร์ และทำให้ปอนด์อ่อนค่าลงทำต่ำสุดใหม่ของปี 2021 ต่ำกว่า 1.33 ดอลลาร์/ปอนด์
ดัชนีดอลลาร์ซื้อขายแถว 96.60 จุด อ่อนค่าลงมา -0.2% หลังจากที่ปรับขึ้นทำสูงสุดรอบเกือบ 17 เดือนที่ระดับ 96.938 จุด
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ร่วงแรงจากกังวล Omicron หลุดต่ำกว่า 1.5% ปิดตลาดที่ 1.485%
· “นายราฟาเอล บอสติก” ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ยังคงเปิดกว้างต่อการเร่งทำ Tapering QE และอาจขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 หรือ 2 ครั้งในปี 2022
· COVID-19 NEW UPDATES:
· ติดเชื้อทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดยอดติดเชื้อใหม่ทะลุ 261.74 ล้านราย เสียชีวิตเพิ่มทะลุ 5.21 ล้านราย รักษาหายสะสมอยู่ 236.366 ล้านราย
· บรรดาบริษัทผู้ผลิตวัคซีนเร่งมือหาวิธีรับมือ “Omicron” โควิดสายพันธุ์ใหม่ ภายใต้กระบวนการเริ่มทดสอบ
· CNBC รายงาน สายพันธุ์ใหม่ระบาดหนักในอังกฤษ, เยอรมนี และอิตาลี ท่ามกลางรัฐบาลทั่วโลก หาวิธียุติการระบาด
· CDC เผย ยังไม่พบยอดติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯ
· สหรัฐฯ เตรียมมาตรการเข้มงวดด้านการเดินทางจากแอฟริกาใต้ และ 7 ประเทศ ท่ามกลางการแพร่ระบาดหนักของโควิด “โอมิครอน”
· ออสเตรเลียมีแผนเปิดประเทศ แต่ล่าสุดเริ่มไม่มั่นใจหลังพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron
· UN รายงานว่า EU COVID-19 passports มีส่วนสำคัญในการช่วยภาคการท่องเที่ยวแก่ยุโรป สำหรับผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
· Black Friday พบ ยอดช้อปปิ้งร่วง -28% จากระดับก่อนไวรัสระบาด แม้จะเป็นช่วงเทศกาล
· ผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมจีนเติบโตอย่างรวดเร็วในเดือนต.ค. โดยเพิ่มขึ้น +24.6% เมื่อเทียบปีก่อน แตะ 8.187 แสนล้านหยวน หรือ 1.281 แสนล้านเหรียญ
ขณะที่เดือนก.ย. ขยายตัวได้ 16.3%
ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมครอบคลุมถึงบริษัทรายใหญ่จากผลกำไรรายปีมากถึง 20 ล้านหยวนจากกระบวนจัดการของพวกเขา
· S&P Global Ratings ระบุถึง ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในภาคอสังหาฯจีน นำโดย Evergrande กระตุ้นความกังวลให้แก่ตลาดมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นปัญหาต่อภาคส่วนอื่นๆที่กระทบด้านเศรษฐกิจที่เหลือ
· อ้างอิงจากสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ
- ‘เงินบาท’ วันนี้เปิด’อ่อนค่า’ ที่ 33.63บาท/ดอลลาร์
นักบริหารการเงิน ชี้แนวโน้มเงินบาทผันผวนฝั่งอ่อนค่าตลาดกังวลโควิดสานพันธุ์หมดมาโอไมคอส แต่หากราคาทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ ก็จะช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้บ้าง มองกรอบเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 33.55-33.75 บาท/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ความผันผวนของเงินบาทอาจมาจากแรงขายสินทรัพย์ไทยตามสภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดที่อาจกดดันให้นักลงทุนต่างชาติทยอยขายหุ้นไทยมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้เล่นต่างชาติที่ก่อนหน้าเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทฝั่งแข็งค่า อาจทยอยปิดสถานะเก็งกำไรดังกล่าว หลังเงินบาทอ่อนค่าเร็ว ดังจะเห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติขายบอนด์ระยะสั้นในสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
ไฮไลท์สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้
* รายงานข้อมูลตลาดแรงงาน โดยเฉพาะยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls:NFP)
* ความเสี่ยงการระบาด COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ หรือ Omicron
* ภาคการผลิตและการบริการสหรัฐฯในเดือนพ.ย.
ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในเดือนพ.ย. สะท้อนผ่านกิจกรรมในภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจะช่วยหนุนให้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.50%
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อจะไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธปท. เนื่องจากคงมองเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจากปัจจัยชั่วคราวและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
- อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ อาเซียนและแคนาดา ได้ประกาศเปิดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกันอย่างเป็นทางการแล้ว โดยไทยจะใช้กรอบการเจรจา ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบไปแล้ว เป็นแนวทางในการเจรจา เพื่อขยายโอกาสการค้า การลงทุน เพื่อประโยชน์ของทุกภาคส่วน เพื่อให้ได้ประโยชน์ในภาพรวมสูงสุดกับประเทศ โดยคำนึงถึงความพร้อมของระดับการพัฒนา และภูมิคุ้มกันของประเทศ รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ถือว่า กรอบการเจรจาของไทยสามารถดูแลผลประโยชน์ และสร้างสมดุลให้กับทุกภาคส่วนได้
- โฆษกรัฐบาลไทย" เผย "นายกฯ" ชื่นชมผลสำเร็จจากการ "เปิดประเทศ" มีผู้ลงทะเบียนเข้าผ่าน Thailand Pass ถึง ม.ค.65 กว่า3แสนคน กำชับ สาธารณสุข-ความมั่นคง เฝ้าระวังติดตาม เชื้อสายพันธุ์ "โอไมครอน" สั่งด่านหน้าคัดกรองเข้ม คาดรายได้ท่องเที่ยวปีหน้า 1.5 ล้านล้าน
· โควิดวันนี้ 29 พ.ย. 64 ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงที่ระดับ 4,753 ราย ดับเพิ่ม 27 ศพ
· อ้างอิงจากสำนักข่าว Thai News
- เปิดผลสำรวจ ความต้องการคนไทย มากกว่า 80% หวังรัฐบาลเยียวยาให้ครอบคลุม
โดยผลสำรวจพบว่า ประชาชนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ราวๆ ร้อยละ 80 รับรู้ถึงผลกระทบจากวิกฤติโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะปัญหาการว่างงาน ปัญหาหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบที่เกิดกับระบบการศึกษา ตลอดจนการเรียนรู้พัฒนาทักษะของเด็กและเยาวชน