ทองคำทรงตัวท่ามกลางนักลงทุนสนใจเฟด-เงินเฟ้อ
· ราคาทองคำค่อนข้างทรงตัวแถว 1,784.01 เหรียญ อ่อนตัวหลังไปทำสูงสุดบริเวณ 1,792.90 เหรียญ
· สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ตลาด Comex ปิดทรงตัวบริเวณ 1,785.50 เหรียญ
· หัวหน้านักกลยุทธ์ฝ่ายการตลาดจาก Blue Line Futures กล่าวว่า มีแรงกดดันเดียวสำหรับตลาดทองคำเวลานี้คือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้จะเป็นการปรับขึ้นอย่างจำกัดก็ตาม
ภาพรวมราคาทองคำคาดจะแกว่งตัวในกรอบ 1,780 – 1,800 เหรียญ เชื่อว่าตลาดน่าจะรอสัญญาณจากประชุมเฟดระหว่าง 14- 15 ธ.ค. เป็นสำคัญ รวมถึงการประกาศข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในคืนวันศุกร์นี้
· อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นมาที่ 1.508% ขานรับข้อมูลอัพเดตด้านวัคซีนในการต้านสายพันธุ์ Omicron หลังผลทดสอบของ Pfizer ชี้ การได้รับวัคซีน 3 เข็มยังให้ประสิทธิภาพต้านไวรัสดังกล่าวได้ดี
ภาพรวมอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 วันทำการ ถือเป็นการปรับขึ้นยาวนานที่สุดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนต.ค.
· CEO บริษัทยา Pfizer ยังระบุอีกว่า การฉีดวัคซีนเข็ม 4 อาจจำเป็นในเร็วๆนี้ เพื่อต้าน Omicron
· Reuters รายงานข้อมูลจากกลุ่มภาคธนาคารต่างๆ และบริษัทการเงิน รวมถึงบริษัทในกลุ่ม Blue-Chip พยายามหาแนวทางสนับสนุนกิจกรรมการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงจากทองคำและซิลเวอร์ หลังเผชิญภาวะขาดทุนหรือได้กำไรอย่างไม่คาดคิดบ่อยครั้ง จากภาวะแกว่งตัวรวดเร็วของตลาด
· ActivTrades ระบุว่า ทองคำเคลื่อนไหวแคบๆ ท่ามกางดอลลาร์ที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากกระแสเฟดที่จะคุมเข้มทางการเงิน จึงเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันราคาทองคำ
· นักวิเคราะห์จากหน่วยงานอิสระบางราย มองว่า ทองคำมีการเผชิญแรงขายและแรงซื้อค่อนข้างหนักแม้ตลาดจะเคลื่อนไหวเบาบาง ก็อาจทำให้เกิดการแกว่งตัวอย่างมากได้
· ซิลเวอร์ปิด -0.2% ที่ 22.43 เหรียญ
· แพลทินัมปิด +0.8% ที่ 958.83 เหรียญ
· พลาเดียมปิด -0.1% ที่ 1,855.31 เหรียญ
· ดอลลาร์อ่อนค่า หุ้นขึ้น รับตลาดบรรเทาความกังวล Omicron ที่อาจไม่ส่งผลคุกคามเท่าการระบาดในช่วงก่อนหน้า
ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.404% ที่ 95.879 จุด
ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.75% ที่ 1.1347 ดอลลาร์/ยูโร
ค่าเงินเยนแข็งค่าอีก 0.1% ที่ 113.68 เยน/ดอลลาร์
· WHO ระบุว่า สายพันธุ์ Omicron อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบการระบาดของ Covid-19 ได้ และจะเห็นถึงการพบจำนวนยอดติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้นเป็น 2 เท่าในแอฟริกาใต้ ในช่วงที่ Omicron กำลังระบาดเวลานี้
· อังกฤษกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดและสั่ง Work From Home อีกครั้ง ท่ามกลางการระบาดของ Omicron
· JPMorgan เล็งเห็นเศรษฐกิจโลกปี 2022 จะฟื้นตัวได้อย่างเต็มรูปแบบ และน่าจะเห็นจุดสิ้นสุดการระบาดของ Covid
· รายงานการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่สหรัฐฯ เดือนต.ค. ขยายตัวเพิ่ม 431,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11 ล้านตำแหน่งซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ท่ามกลางการลาออกของแรงงานที่ลดลงเล็กน้อย
แต่ภาพรวมจะเห็นถึงการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานที่ลดลง จึงยังสะท้อนว่าสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานอาจยังวิกฤต และอาจกดดันการเติบโตด้านการจ้างงานและเศรษฐกิจนองค์รวมได้
· ประธานคณะกรรมาธิการกำกับดูแลภาคธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะรอฟังถ้อยแถลงของ นายเจอโรม โพเวลล์ ว่าที่ประธานเฟดสมัยสอง และนางลาเอล เบรนาร์ด ว่าทีรองประธานเฟดคนใหม่ ในเดือนม.ค. นี้
· นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ยอมรับข้อตกลง Red Lines ของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในกรณียูเครน หลังรัสเซียมีการจัดตั้งกองทัพบริเวณแนวพรมแดนยูเครน
· รองประธานอีซีบี ชี้ เงินเฟ้อยูโรโซนอาจใช้เวลานานในการกลับสู่กรอบเป้าหมาย 2% แต่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อเวลานี้ ก็ไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าจะกลายมาเป็นแรงกดดันในเรื่องค่าแรง
อย่างไรก็ดี คงต้องรอฟังถ้อยแถลงการตัดสินใจต่อแนวทางการดำเนินนโยบายของอีซีบีในวันที่ 16 ธ.ค. นี้ ท่ามกลางระดับเงินเฟ้อยูโรโซนที่แตะ 4.9% ในเดือนที่แล้ว เป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภาคเอกชนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าเงินเฟ้อยูโรโซนจะกลับสู่กรอบที่อีซีบีกำหนดได้จนกว่าจะเข้าสู่ช่วงปลายปี 2022
· ธนาคารกลางแคนาดา (บีโอซี) ตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และมีสัญญาณเตือนถึงความไม่แน่นอนเรื่อง Omicron แต่มีการกล่าวย้ำว่าเงินเฟ้อจะสูงต่อในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า และน่าจะกลับสู่ระดับเป้าหมาย 2% ได้ในช่วงครึ่งหลังของปี
· ธนาคารกลางอินเดียคงดอกเบี้ย - มองเศรษฐกิจเติบโต
· CBDC ระบุว่า ภาพรวม Digital Euro และ Swiss Franc ทดสอบแล้วประสบความสำเร็จที่ดี แม้จะยังไม่ได้ออกในนาม CBDC ในทันที ท่ามกลางบรรดาธนาคารกลางบางแห่งที่ยังกังวลว่าสินทรัพย์ประเภท Crypto จะเป็นภัยคุกคามได้
· หุ้น China Evergrande ทรุดทำ New Low ท่ามกลางวิกฤตหนี้ครั้งใหม่ ขณะที่ Kaisa บริษัทอสังหาฯจีนรายใหญ่อีกแห่ง “ผิดนัดชำระหนี้”
· ‘เงินบาท’ วันนี้เปิด’แข็งค่า’ ที่33.45บาทต่อดอลลาร์
นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุนกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดวันนี้ ที่ระดับ 33.45 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.48 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดอาจช่วยหนุนให้ นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาเป็นฝั่งซื้อสุทธิสินทรัพย์ไทยมากขึ้นได้ และอาจพอช่วยหนุนให้ เงินบาทแข็งค่าขึ้น และเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาเก็งกำไรฝั่งเงินบาทแข็งค่าของผู้เล่นต่างชาติ ที่สะท้อนผ่านยอดซื้อสุทธิบอนด์ระยะสั้นราว 6.3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งซื้อบอนด์ระยะสั้นสุทธิ นับตั้งแต่ตลาดปรับฐานจากความกังวลการระบาดของ โอมิครอน
นอกจากนี้ หากพิจารณาสัญญาณเชิงเทคนิคัลจะพบว่า เงินบาทก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังจากที่ไม่สามารถอ่อนค่าทะลุระดับ 34.00 บาท/ดอลลาร์ไปได้ โดยการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาตินั้น เราเชื่อว่าอาจมาจากโฟลว์ขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออกในช่วงปลายปีที่ช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท
· ด้านสถานการณ์ Covid ในไทย พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4,203 ราย เสียชีวิตอีก 49 ราย