• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 16 ธันวาคม 2564

    16 ธันวาคม 2564 | Gold News


ทองแกว่งขึ้น นักลงทุนรับรู้เฟดประกาศ Tapering QE เร็วขึ้น ที่อาจสิ้นสุดการซื้อพันธบัตรในเดือนมี.ค. นี้

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.4ที่ระดับ 1,777.82 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด -0.4% ที่ 1,764.50 เหรียญ

 

·         เฟดจะเร่งถอนการซื้อพันธบัตร-เล็งโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง สู้เงินเฟ้อปีหน้า

เฟดส่งสัญญาณที่หลากหลายในการใกล้ “สิ้นสุด” นโยบายผ่อนคลายฉบับพิเศษที่เริ่มใช้มาตั้งแต่โควิดระบาด โดยมีท่าทีคุมเข้มมากขึ้นเพื่อรับมือเงินเฟ้อที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น 

·         สรุปถ้อยแถลงนายเจอโรม โพเวลล์ ประธานเฟด

- เศรษฐกิจสหรัฐฯมีการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เตือนว่า ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดการระบาดของ Covid-19 ในระยะสั้นๆนี้

- ตลาดแรงงานยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ และมีสัญญาณชะลอการรีบาวน์ แต่เฟดจะดำเนินการถอนนโยบายผ่อนคลายให้เป็นไปอย่างเหมาะสม

- มองเศรษฐกิจสหรัฐฯจะไม่กลับไปเหมือนช่วงเดียวกันกับเดือนก.พ. ปี 2020 พร้อมระบุว่า หลัง Covid จบ ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะมีการจ้างงานได้อย่างเต็มที่ แม้จะเห็นเสถียรภาพด้านราคาอยู่สูงขึ้นในบางช่วง

- ประธานเฟดไม่ได้ระบุว่า เมื่อไหร่ที่งบดุลบัญชีของเฟด หรือ Balance Sheet จะเริ่มลดลง  ซึ่ง ณ ปัจจุบัน เฟดมี Balance Sheet สูงถึง 8.2 ล้านล้านเหรียญสำหรับกลุ่มพันธบัตรและตราสารหนี้ MBS

·         Fed Funds Futures คาดเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก พ.ค. ปีหน้า หลังจบ Tapering QE
มองโอกาส 50
% สำหรับเดือนมี.ค. ปี 2022 ที่จะเห็นเฟดมีท่าทีเคลื่อนไหวเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย

·         เทรดเดอร์ทองคำ มองว่า ตลาดมีการหาสัญญาณ Hawkish ของเฟด และ dot plot แต่ตลาดก็ค่อนข้างพอใจกับการที่เฟดมีสัญญาณ Hawkish  เพียงเล็กน้อย และดูจะยังไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แต่ในทางเทคนิค ถ้าทองคำหลุดระดับ 1,750 เหรียญลงมา ก็อาจเห็นทองคำดิ่งลงต่อในปีนี้

 

·         ราคาทองคำช่วงประชุมเฟด 2 วันนี้ ปรับตัวลดลงไปเกือบ 1แต่ก็รีบาวน์กลับมาได้จากดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า จากที่เปิดแข็งค่าช่วงต้นตลาด ขณะที่คาดการณ์เงินเฟ้อเฟด มอง ปีหน้าอาจขึ้นไปแตะ 2.6เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมที่ 2.2ในเดือนก.ย.

 

·         นักวิเคราะห์การตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2023 อาจยังดูไม่สมเหตุสมผลนัก และการอ่อนตัวของทองคำอาจสิ้นสุดลงจนกว่าจะถึงการประชุมเฟดในวาระเดือนมี.ค. ปีหน้า

 

·         กองทุนทองคำ SPDR ขายทองต่อเนื่อง 2 วันทำการรวมเกือบ 5 ตัน


โดยวานนี้ขายออกอีก 2.9 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 977.7 ตัน ถือเป็นระดับต่ำสุดช่วงต้นเม.ย. ปี 2020 ขณะที่รวมช่วง 2 วันทำการ ขายออกสุทธิ 4.94 ตัน

ภาพรวมเดือนธ.ค. ยังคงเป็นเดือนแห่งการขาย โดยขายสุทธิ 15.15 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน มีการขายทองออกแล้ว 193.04 ตัน

·         ซิลเวอร์ปิด +0.6% ที่ 22.05 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด -0.2ที่ 918.56 เหรียญ

·         พลาเดียมปิด -1.3% ที่ 1,600.44 เหรียญ

 

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้น แตะ 1.463หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งปีหน้า

 

·         ดอลลาร์แข็งค่าหลังทราบผลประชุมเฟด ปิด +0.2% ที่ 96.737 จุด
ขณะที่ตลาดค่าเงินรอประชุมอีซีบีและบีโออีในวันนี้


·         การขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตและปัญหาเงินเฟ้อ จำกัดยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนพ.ย. และทำให้ชาวสหรัฐฯเลี่ยงการจับจ่ายในช่วงเทศกาล

ยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนพ.ย. รายเดือนขยายตัวได้ 0.3
% หลังปรับขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค.
แต่ภาพรวมรายปีขยายตัวได้ 18.2
%

 

·         ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคธุรกิจสหรัฐฯเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งในเดือนต.ค. 1.2หลังขยายตัวได้ 0.8ในเดือนก.ย. สะท้อนการกลับมาเพิ่มสต็อกอีกครั้ง จากทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาปัจจุบันนี้

 

·         CNBC รายงาน เดโมแครตไม่มีแนวโน้มผ่านร่างกฎหมาย Build Back Better Act ของไบเดนได้ภายในปีนี้

และการเลื่อนออกไปสะท้อนถึงนัยยะสลับซับซ้อนมากขึ้น และทำให้แผนนี้อาจใช้เวลาที่นานขึ้นที่จะมีผลต่อนโยบายทางสังคมและสภาพอากาศ ในขณะที่พ.ย. ปีหน้าจะมีเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ

 

·         Mittlestand ระบุว่า ผลกระทบจาก Covid-19 มีผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะยอดติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการ Lockdown ประเทศ สร้างความเสียหายต่อผลผลิตของเยอรมนี


·         ข้อมูลภาคโรงงานจีนขยายตัว แต่การระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่กำลังกระทบผู้ค้าปลีก อันจะเห็นได้จากข้อมูลค้าปลีกสหรัฐฯที่ขยายตัวได้ 3.9ในเดือนพ.ย. แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดว่าจะโตได้ 4.6%


ภาพรวมเศรษฐกิจจีน ดูจะสูญเสียสภาวะการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งเมื่อปีที่แล้วไป และกำลังเผชิญกับความท้าทายต่อไปยังปี 2022 ท่ามกลางภาคอสังหาริมทรัพย์ขาลง และการใช้มาตรการเข้มงวดสกัด Covid-19 ที่ทั้งหมดล้วนมีผลต่อกลุ่มผู้บริโภค

 

·         “สี จิ้นผิง”ประธานาธิบดีจีน ให้การสนับสนุน “วลาดิเมียร์ ปูติน” ผู้นำรัสเซีย และมีการเรียกร้องการการันตีความมั่นคงจากชาติตะวันตก จึงตอกย้ำและสร้างความกังวลระดับชาติมากขึ้น ท่ามกลางรัสเซีย-ยูเครนที่มีความตึงเครียดบริเวณพมแดนเวลานี้

ทั้งนี้ รัสเซีย ต้องการให้สหรัฐฯและ
 NATO รับประกันความมั่นคงในการร่วมมือทางการทหารว่าจะไม่ขยายตัวในการเพิ่มกองกำลังหรือปรับใช้ระบบอาวุธในยูเครน และประเทศอื่นๆที่ติดกับพรมแดนของรัสเซีย

ขณะที่นายปูติน เรียกนายสี ว่า “เพื่อนรัก” พร้อมระบุถึงความสัมพันธ์ของจีนกับรัสเซีย อยู่ในนระดับสูงอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อน

 

·         “บลินเคนส์” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กำลังมองหาแนวทางเพิ่มเติมในการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่า ท่ามกลางสถานการณ์ภายในประเทศพม่าที่ “ย่ำแย่ลง”

 

·         ราคาน้ำมันดิบปิดรีบาวน์หลังปรับลง แม้ตลาดจะยังเห็นถึงภาวะอุปทานสูง และความกังวลเรื่อง Omicron

น้ำมันดิบ WTI ปิด +14 เซนต์ หรือ +0.2ที่ 70.87 เหรียญ/บาร์เรล
น้ำมันดิบ
 Brent ปิด +18 เซนต์ หรือ +0.24ที่ 73.88 เหรียญ/บาร์เรล

  

·         COVID-19 UPDATES:


ยอดติดเชื้อใหม่รายวันทั่วโลกเพิ่มอีกกว่าแสนราย โดยล่าสุดเพิ่มขึ้นกว่า 701,000 รายวานนี้ ส่งผลให้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 272.44 ล้านราย ขณะที่เสียชีวตสะสมอยู่ที่ 5.34 ล้านราย ส่วนอัตราการรักษาหายสะสมแตะ 244.74 ล้านราย

 

·         สถานการณ์ในอังกฤษ พบจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มสูงสุดตั้งแต่ที่เริ่มมีการระบาด โดยวานนี้วันเดียวติดเชื้อใหม่สูง 78,610 ราย

 

·         WHO คาดสายพันธุ์ Omicron อาจทำให้เกิดอาการป่วยรุนแรงได้ จึงเตือนไม่ให้ใช้กระบวนการรักษาเหมือนสายพันธุ์ที่ไม่รุนแรงตัวก่อนหน้าอื่นๆ

 

·         รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยกเลิกเยือนไทย! หลังสมาชิกทีมสื่อของคณะติดโควิ

 

·         สถานการณ์ในไทย วันนี้ มีรายงานพบเสียชีวิตเพิ่ม 26 ราย ข๘ณะที่ติดชื้อเพิ่ม 3,684 ราย หายป่วยกลับบ้าน 4,531 ราย

 

·         ห่วง “โอมิครอน” ทุบเศรษฐกิจไทย ธนาคารโลกชี้กรณีเลวร้ายปี 65 พลิกโตติดลบ

ครม.อนุมัติกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 65 ที่ 1-3% คลังมองเศรษฐกิจไทยเปราะบาง ด้านธนาคารโลกมองไทยปีนี้โต 1% ชี้ปีหน้ามีโอกาสฟื้นต่อที่ 3.9% แต่หากปล่อยให้โอมิครอนระบาดพลิกติดลบ 0.3% ระบุคนไทยเอาตัวรอดด้วยการก่อหนี้เพิ่ม-ประหยัด 2 ปีที่ผ่านมา ลงทุนไทยลดลงจนน่ากลัว ชูเศรษฐกิจดิจิทัลพระเอกฟื้นเศรษฐกิจ

 

·         ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ "แข็งค่าา" ที่ระดับ 33.40 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นได้โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ปัจจัยหนุน หลังจากที่ผู้เล่นในตลาดรู้ผลประชุมเฟดแล้ว


นอกจากนี้ เราเริ่มเห็นสัญญาณกลับเข้ามาเก็งกำไรเงินบาทจากนักลงทุนต่างชาติอีกครั้ง สะท้อนผ่านยอดซื้อบอนด์ระยะสั้นสุทธิราว 2.5 พันล้านบาทในวันก่อน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า ผู้เล่นต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับมาเก็งกำไรเงินบาทมากนัก จนกว่าจะมีความชัดเจนของโฟลว์ธุรกรรม M&A ใหญ่ในปีนี้ ว่าจะมีลักษณะการทำธุรกรรมอย่างไร


มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.45 บาท/ดอลลาร์



บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com