• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2564

    20 ธันวาคม 2564 | Gold News


ทองคำปรับขึ้นจากกังวล Omicron - เงินเฟ้อ หนุน Safe-Haven

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับสำคัญ 1,800 เหรียญ ถือเป็นการปรับตัวขึ้นปิดแดนบวกเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 5 สัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับ Omicron และความร้อนแรงของเงินเฟ้อที่ดูจะหนุนให้เกิดความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด +0.2% ที่ 1,802.12 เหรียญ
ปิดสัปดาห์ปรับขึ้นไป +1.1%

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ปิด +0.4% ที่ระดับ 1,804.90 เหรียญ


·         กองทุนทองคำ SPDR กลับมาซื้อทองคำเพิ่ม 0.87 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 978.57 ตัน ยังถือเป็นระดับต่ำสุดช่วงต้นเม.ย. ปี 2020

 

ภาพรวมเดือนธ.ค. ยังคงเป็นเดือนแห่งการขาย โดยขายสุทธิ 14.28 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ม.ค. - ปัจจุบัน มีการขายทองออกแล้ว 192.17 ตัน


·         ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ท่ามกลางเฟดที่ลดท่าที Hawkish จากธนาคารกลางแห่งต่างๆทั่วโลกที่มีแนวโน้มจะสกัดการปรับขึ้นของเงินเฟ้อและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอันเนื่องจากยอดติดเชื้อ Covid-19 ที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น

 


·         หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Blue Line Futures กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงต่อไตรมาสหน้า และการปรับฐานของตลาดหุ้น ดูจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นลง และความต้องการทองคำและซิลเวอร์ในฐานะ Safe-Haven เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับผลลัพธ์ของการประชุมเฟดที่บ่งชี้ถึง “ความไม่แน่นอนอย่างมาก” ก็ดูจะทำให้กลุ่ม Precious Metals ค่อนข้างตอบรับได้ดี และเวลานี้ตลาดก็กำลังสนใจและรอคอยข้อมูลแรงงานเพิ่มเติม

 

ในการประชุมเฟดที่ผ่านมามีการส่งสัญญาณโอกาสขึ้นดอกเบี้ยจำนวน ครั้งในช่วงราวปลายปีหน้า ก็ดูจะไม่ได้กดดันต่อราคาทองคำมากนัก เนื่องจากตลาดรับข่าวดังกล่าวไปก่อนที่เฟดจะเข้าสู่การประชุมแล้ว


 

·         Saxo Bank มอง ทองคำยังปรับตัวขึ้นได้ดี แม้ว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่ดอลลาร์ ที่ถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองเช่นกัน แต่ก็ดูเหมือนภาพโดยองค์รวมทองคำยังอยู่ในสภาวะ “ขาลง” จากกระแสคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยแท้จริงปรับตัวขึ้น  


 

·         พลาเดียมปรับขึ้น +3.1% ที่ 1,782.99 เหรียญ

·         นักวิเคราะห์จาก Blue Line Futures ระบุว่า การรีบาวน์ของภาครถยนต์ก็ดูจะเป็นปัจจัยสนับสนุนอุปสงค์ของพลาเดียม

 

·         ซิลเวอร์ทรงตัวที่ 22.47 เหรียญ

 

·         แพลทินัมปรับขึ้น +0.5% ที่ 940.71 เหรียญ


·         ดอลลาร์แข็งค่าตามสภาวะ Risk-Off ขณะที่ตลาดสนใจการหารือเรื่อง “ขึ้นดอกเบี้ย” และ “Omicron”

ดอลลาร์แข็งค่าท่ามกลางเทรดเดอร์ที่ลดการถือครองสกุลเงินในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง จากการเจรจาขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ และความกังวลเรื่องไวรัส Omicron ระบาด

ดัชนีดอลลาร์ปรับขึ้นราว 0.6% ปิดแถว 96.524 จุด
ภาพรวมปรับขึ้นมาได้แล้วประมาณ 
8% ตั้งแต่เดือนพ.ค.

ค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าลง  0.6% ปิดที่ 1.1257 ดอลลาร์/ยูโร

ค่าเงินปอนด์ปรับอ่อนค่าลง 0.5% ปิดที่ 1.3253 ดอลลาร์/ปอนด์

Bitcoin ปรับลง 2% ปิดที่ 46,762 เหรียญ

·         เทรดเดอร์กำลังเปรียบเทียบกันเรื่องการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ที่แตกต่างกันอย่างมากในการเร่งปรับนโยบายการเงิน และการเผชิญสัญญาณเพิ่มขึ้นเรื่องเงินเฟ้อสูง และภัยคุกคามจาก Omicron

 

·         สเปรดของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 เดือน ระหว่างสหรัฐฯและเยอรมนี ขยายตัวมากขึ้นและดูจะเห็นถึงภาพรายวันจนถึงรายสัปดาห์ขยายตัวมากที่สุด ประกอบกับการเห็นยูโรปรับอ่อนค่

 

·         นักวิเคราะห์บางส่วน มีท่าทีระมัดระวังมากขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

·         อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนดิ่ง รับการเคลื่อนไหวในการดำเนินนโยบายของอีซีบีตามคาด



 

·         COVID-19 UPDATES:



ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นล่าสุด 451,838 ราย ส่งผลให้ยอดรวมสะสม ณ ปัจจุบันแตะ 274.97 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตรวมสะสม 5.36 ล้านราย รักษาหายสะสม 246.65 ล้านราย

ยอดติดเชื้อใหม่ในอังกฤษเพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่องเกือบ 83,000 รายเมื่อวานนี้ และยังถือเป็นประเทศที่มียอดติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นมากสุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก รองลงมาคือสหรัฐฯ ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศสูงกว่า 61,000 ราย และฝรั่งเศสยอดติดเชื้อใหม่เพิ่ม 48,473 ราย เพิ่มรายวันมากที่สุดเป็นอันดับที่ ของโลก

 

·         Reuters เผย Omicron ปรากฎสัญญาณคุกคามช่วงเทศกาลวันหยุดในฤดูหนาวของสหรัฐฯและยุโรปแล้ว
 
โดยจะเห็นได้จากเนเธอร์แลนด์ที่เข้าสู่ภาวะ
 Lockdown และมีความเป็นไปได้จะใช้มาตรการเข้มงวดในช่วงก่อนคริสมาสต์และปีใหม่ หลังจากที่หลายๆประเทศในแถบยุโรปพบการระบาดอย่างรวดเร็วของ Omicron  

ขณะที่นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค. มานี้ สหรัฐฯ พบยอดติดเชื้อสูงขึ้นแล้วกว่า 
50%

 

·         NBC News เผย “ไบเดน” เตรียมกล่าวแถลงการณ์เรื่อง Omicron วันอังคารนี้ ท่ามกลางยอดติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น  และอาจมีการเปิดเผยแผนใหม่ของทีมบริหารที่เรียกว่า “Winter Plan” ซึ่งโดยรวมอาจเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดในฤดูหนาวที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

 

·         รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส เผย พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 10% ที่คาดว่าจะมาจากสายพันธุ์ Omicron

 

·         เนเธอร์แลนด์ ประกาศขยายเวลา Lockdown ต่อถึงกลางเดือนม.ค. เพื่อยับยั้งการระบาดของ Omicron

 

·         ออสเตรเลีย ชี้ ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มงวดช่วงเทศกาลคริสมาสต์ แม้ว่ายอดติดเชื้อในประเทศจะพุ่งไม่หยุด พร้อมย้ำถึงการที่ประชาชนในประเทศได้รับวัคซีนในอัตราสูงจึงช่วยให้ผู้ป่วยหายออกจากรพ. ได้

 

·         CNBC รายงาน ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์จีนกำลังส่งผ่ลต่อภาคส่วนเหล็ก ซึ่งถือว่ากำลังเป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจ

 

·         สรุปเงินบาทสัปดาห์ที่แล้วแข็งค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นต่อตามแรงซื้อต่างชาติ

 

บริหารการเงินแนะจับตา 4 ปัจจัยสำคัญสัปดาห์นี้


1) ผลประชุมกนง.  22 ธ.ค.


2) ตัวเลขส่งออกไทย


3) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ


4) สถานการณ์ Covid-19

 


ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.80 บาท/ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี หุ้นไทยดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังผลการประชุมเฟดออกมาสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ประกอบกับมีแรงซื้อจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ก่อนจะลดช่วงบวกลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์


สำหรับสัปดาห์ถัดไป (20-24 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,625 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,655 และ 1,665 จุด ตามลำดับ

ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องจับตา

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีไตรมาส 3/64 ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสอง รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และดัชนี PCE/Core PCE Price Indices เดือนพ.ย.

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ของจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่น รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของยูโรโซน


·         สถานการณ์ Covid-19 ในไทย


ลดลงต่อเนื่อง โควิดวันนี้ ไทยพบติดเชื้อเพิ่ม 2,525 ราย เสียชีวิตอีก 31 ราย


ล่าสุดมีการพผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ในไทยเพิ่ม เจอเพิ่มอีก "โอไมครอน" วันเดียว 12 ราย ที่นนทบุรี ราย และภูเก็ต ราย


กระทรวงสาธารณสุขไทย ชี้ "สายพันธุ์เดลตา" ยังยืนหนึ่ง ไทยยังไม่มีคนเสียชีวิตจาก "โอไมครอน"


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com