• สรุปข่าวราคาทองคำ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2564

    21 ธันวาคม 2564 | Gold News


ทองอ่อนตัวท่ามกลางนักลงทุนสนใจผลกระทบของ Omicron และแผนขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

·         ราคาทองคำตลาดโลกปิด -0.2% ที่ 1,793.33 เหรียญ

·         สัญญาทองคำส่งมอบเดือนก.พ. ตลาด Comex ปิด -0.6% ที่ระดับ 1,794.60 เหรียญ

 

·         ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวท่ามกลางความวิตกกังวลถึงผลกระทบเกี่ยวกับการใช้มาตรการเข้มงวดสกัด Covid-19 แต่ประมาณเม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเริ่มดูเหมือนจะชะลอตัว ขณะที่ตลาดทองคำได้รับอานิสงส์เล็กน้อยจากการอ่อนค่าของดอลลาร์

 

·         นักวิเคราะห์ฝ่ายการตลาดอาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า ทองคำฟื้นตัวขึ้นได้เล็กน้อยในช่วงเข้าสู่วันหยุดเทศกาล และดูเหมือนการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง่จะมาเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนราคาทองคำอยู่บ้าง ซึ่งทองคำมีแนวโน้มจะปรับขึ้นก่อนเข้าสู่สิ้นปีนี้ ก่อนที่จะเริ่มสะสมพลังเหนือ1,800 เหรียญในเดือนหน้า หรือท่ามกลางการตอบรับของสภาวะข่าว Omicron

 

·         นักวิเคราะห์บางส่วน ยังมองว่า ทองคำยังถูกเข้าถือเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนต่างๆ และความไม่แน่นอนของ Omicron เวลานี้ ก็อาจจะเพิ่มโอกาสให้เฟดผ่อนคลายการเงินต่อได้ในปี 2022 และถ้าเป็นเช่นนี้จะเห็นปัจจัยที่เข้ามาสนับสนุนทองคำ

 

·         นักวิเคราะห์จาก  TD Securities ระบุถึงการจะเห็นราคาทองคำปรับขึ้นได้ปานกลาง ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ว่าเฟดจะสามารถดำเนินตามท่าที Hawkish ล่าสุดได้อย่างที่พูดหรือไม่

 

·         ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของ Covid-19 จากการใช้มาตรการควบคุมโรคระบาด ดูจะเร่งให้เม็ดเงินไหลเข้าสู่โลหะมีค่าต่างๆได้ จึงเป็นนัยสำคัญที่ตลาดให้ความสำคัญมากขึ้นและจับตาใกล้ชิ

·         พลาเดียมปรับลง -2% ที่ 1,746.85 เหรียญ

·         แพลทินัมปิด +0.1ท่ะ 930.50 เหรียญ

·         ซิลเวอร์ปิด -0.3% ที่ 22.28 เหรียญ

 

·         ออสเตรเลียดอลลาร์-ปอนด์ อ่อนค่าจากความกังวล Omicron และ Lockdown ในยุโรป ขณะที่เยนแข็งค่าในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่นักลงทุนสนใจเรื่องความรวดเร็วในการแพร่ระบาดของ Omicron

ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์อ่อนค่าลงอีก 0.2% ที่ 0.7109 ดอลลาร์/ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นอ่อนค่ามากสุดรอบ  13 วัน

ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.2
% ที่ 1.32105 ดอลลาร์/ปอนด์

ล่าสุดในช่วงปลายสัปดาห์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการประกาศภาวะ Lockdown ขณะที่อิตาลีมีรายงานการพิจารณาการกลับมาใช้มาตรการเข้มงวดรอบใหม่

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ เผยว่า ยังไม่ได้ตัดโอกาสที่จะความเป็นไปได้ที่จะประกาศ Lockdown ก่อนเทศกาลคริสมาสต์


Goldman Sachs หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ทำต่ำสุดตั้งแต่ 6 ธ.ค. เมื่อวันจันทร์ ก่อนจะรีบาวน์กลับวานนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ปรับขึ้นเล็กน้อยแตะ 1.428% ท่ามกลางนักลงทุนกังวลความเสี่ยงเรื่อง Omicron ที่อาจเป็นอุปสรรคทางด้านเศรษฐกิจ

ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ 96.544 จุด ขณะที่สูงสุดเดิมที่ทำไว้ในเดือนที่แล้วอยู่ที่ 96.938 จุด ถือเป็นสูงสุดตั้งแต่ก.ค. ปี 2020


ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่าขึ้น 0.3ที่ 1.12695 ดอลลาร์/ยูโร หลังทรุดตัวไปกว่า 0.8เมื่อคืนวันศุกร์ หลังอีซีบีเผยแผนจะก้าวออกจากโครงการ PEPP


ธนาคารกลางจีน มีการประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เป็นครั้งแรกรอบ 20 เดือน ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น ส่งผลให้เงินหยวนทำอ่อนค่ามากสุดรอบ 10 วันทำการ

 

·         ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ ท่ามกลางความกังวลเรื่อง Omicron นำโดยดัชนี Dow Jones ร่วงต่อกว่า 430 จุด

 

·         บรรดานักเศรษฐศาสตร์หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯปีหน้า

Reuters เผย นักเศรษฐศาสตร์บางสำนัก คาดว่า เศรษฐกิจสหรํฐฯ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆในปีหน้า หลังจากที่สมาชิกเดโมแครตยังไม่สามารถตกลแผน Build Back Better มูลค่า 1.75 ล้านล้านเหรียญของนายไปบเดนได้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่เผชิญกับความเสี่ยงของการระบาดอย่างรวดเร็วของ Omicron Covid-19 ขณะที่เฟดลดท่าทีผ่อนคลายทางการเงินในขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ระดับสูง

 

·         Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสที่ 1/2022 จาก 3เหลือ 2% พร้อมปรับลดการเติบโตลงในไตรมาสที่ 2 และ 3 เช่นกัน

การปรับลดคาดการณ์เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ที่วุฒิสมาชิก โจ แมนชิน (Joe Manchin) สมาชิกพรรคเดโมแครตพรรคเดียวกันกับโจ ไบเดน ปฏิเสธแผนนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าประมาณ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐของไบเดน ทำให้พรรคเดโมแคตรเองเผชิญข้อจำกัดและมีทางเลือกน้อยลงในการจัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

ถึงแม้จะครองเสียงข้างมากในสภาบนและสภาล่าง แต่ไม่สามารถผ่านร่างนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไปได้ง่าย

 

·         COVID-19 UPDATES:

 


ยอดติดเชื้อใหม่ทั่วโลกเพิ่ม 528,416 ราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วโลกแตะ 275.73 ล้านราย ขณะที่เสียชีวิตสะสมแตะ 5.37 ล้านราย

สหรัฐฯ ขึ้นแท่นติดเชื้อรายวันเพิ่มมากสุดของโลกวานนี้แตะ 128,851 ราย ขณะที่อังกฤษติดเชื้อใหม่เพิ่มกว่า 91,000 ราย รั้งอันดับ 2 ทางด้านรัสเซียยอดติดเชื้อเพิ่มอันดับ 3 ประมาณ 27,000 ราย

 

·         สำหรับรายงานในไทยวันนี้ ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 2,476 ราย ตาย 32 ราย และขณะนี้ พบโอไมครอนในไทยแล้ว 60 กว่าราย



·         Omicron บดบังทิศทางสดใสช่วงเทศกาลในฤดูหนาว ท่ามกลางหลายๆประเทศหันมาพิจารณาเรื่องมาตรการเข้มงวดกันอย่างจริงจัง


·         WHO ย้ำสัญญาณเตือน Omicron ระบาดรวดเร็ว แต่เตือนไม่ให้ด่วนสรุปว่าสายพันธุ์นี้รุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ


·         CDC  เผย จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐฯกว่า 73% เป็นสายพันธุ์ Omicron


·         รัฐนิวยอรก์ ถูกคาดว่าจะเห็นการระบาดของ Omicron ได้อย่างรวดเร็ว แต่จะเข้าสู่จุดพีคในอีกไม่กี่สัปดาห์


·         Reuters เผย สายพันธุ์ Omicron มีอาการรุนแรงของโรคน้อยกว่า Delta แต่ลดปริมาณอสุจิและการเคลื่อนไหว


·         อังกฤษ ชี้ จำนวนการระบาดของ Covid-19 เวลานี้ส่งผลให้สถานการณ์มีความยากลำบากมากขึ้น ในขณะที่ยุโรปเริ่มกลับมาใช้มาตรการเข้มงวด

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยว่า จะใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมและชะลอการระบาดของ
 Omicron หากจำเป็น หลังจากที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เริ่มมีการใช้มาตรการ Lockdown ครั้งที่ 4 และสมาชิกประเทศอื่นๆในแถบยุโรปมีการพิจารณาถึงข้อจำกัดมากยิ่งขึ้นในช่วงเทศกาลคริสมาสต์นี้


·         สมาชิกสภาฝ่ายปกครองของอีซีบี เตือนถึง “ความไม่แน่นอนเงินเฟ้อ” และเรียกร้องให้มีท่าทีระมัดระวังมากขึ้น พร้อมย้ำการต้านการ Lockdown รอบใหม่ในยุโรป ไม่ถือเป็นตัวแปรหนุนเงินเฟ้อสู


·         ผู้ว่าการบีโอเจ มองว่า ยังเร็วเกินไปที่จะปรับนโยบายการเงินสู่สภาวะปกติ


·         จีนถูกคาดว่าจะขยายมาตรการปราบปรามเข้มงวดต่อในปี 2022


·         เศรษฐกิจเกาหลีใต้ คาดขยายตัวในเกณฑ์ทรงตัว และน่าคาดปีหน้าจะเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย


·         
‘เงินบาท’ วันนี้เปิด’อ่อนค่า’ ที่33.61 บาท/ดอลลาร์

“กรุงไทย” ชี้ตลาดการเงินยังอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง ความกังวลการระบาดของโอมิครอนในประเทศ จับตาฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ อาจไหลกลับได้ มองกรอบเงินบาทวันนี้ที่ระดับ 33.50-33.75 บาท/ดอลลาร์

 

·         Fitch Ratings (Fitch หรือฟิทช์) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+

พร้อมคงมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) และคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 65 จะขยายตัว 4.5 % เพราะมีมาตรการสนับสนุนด้านการเงินการคลัง ประกอบกับการส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว นอกจากนี้ การเพิ่มเพดานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จาก 60% เป็น 70% จะช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการคลังเพื่อการลงทุนและการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม

 

·         ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย-อิตาลี ดันการค้าระหว่างประเทศโต 8%


บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com