• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 30 ธันวาคม 2564

    30 ธันวาคม 2564 | Gold News

เกี่ยวกับทองคำ


  • ราคาทองคำปรับตัวลดลง ได้รับแรงกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1.55%  และจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ


o    ราคาทองคำตลาดโลก  ปรับตัวลดลง -2.25 เหรียญ หรือ -0.12% มาอยู่ที่ระดับ 1804.26 เหรียญ

o    สัญญาทองคำตลาด COMEX ปรับตัวลดลง -2.0 เหรียญ หรือ -0.11% มาอยู่ที่ระดับ 1805.0 เหรียญ

o    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน  ปรับตัวลดลง *19.2 เซนต์ หรือ -0.83% มาอยู่ที่ระดับ 22.82 เหรียญ

o    กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 2.03 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 975.66 ตันภาพรวมเดือนธันวาคม ขายสุทธิ 17.19 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ขายสุทธิ 195.08 ตัน

 

มุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ


  • มอแกน สแตนเลย์ ระบุ ปัญหา supply chain เริ่มทยอยคลี่คลายและปัญหาดังกล่าวกลับเป็นปกติในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 อย่างไรก็ตาม supply chain ยังคงเปราะบางโดยเฉพาะความเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่

  • ถึงแม้ปัญหา supply chain จะทยอยคลี่คลาย มอแกน สแตนเลย์ยังคงคาดการณ์ต้นทุนค่าขนส่งและค่าระวางเรือจะคงอยู่ในระดับสูงในระดับหนึ่งและต่อเนื่องไปตลาดทั้งปี 2022 จากสาเหตุการคัดกรองโรคโควิดและการจำกัดการเดินทางยังคงเข้มงวด ทำให้การขนส่งสำหรับเส้นทางข้ามทวีปยังถูกจำกัดตลอดทั้งปี 2022 และทยอยปรับลดลงจนถึงช่วงปลายปี 2023 เนืองจากสาเหตุ คำสั่งซื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความกังวลการในการสรรหาแหล่งซื้อผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็คโทรนิคส์ ทำให้ความต้องกว่าการขนส่งสูง

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน  ปรับตัวลดลง -0.31 เหรียญ หรือ -0.33% มาอยู่ที่ระดับ 95.89 เหรียญ ได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขยอดดุลบัญชีการค้าสหรัฐขาดดุลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีกำลังปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบระดับบริเวณ 1.55%

  • นักบริหารการเงิน ชี้เงินบาทยังแกว่งตัว Sideways เนื่องจากปัญหาโอมิครอนยังเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนในวันนี้มองกรอบค่าเงินบาทที่ 33.45-33.55 บาทต่อดอลลาร์

 

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้  โดยดาวโจนส์และ S&P500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับความเชื่อมั่นที่ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดลบเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี


o    ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 36,488.63 จุด เพิ่มขึ้น 90.42 จุด หรือ +0.25%,

o    ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,793.06 จุด เพิ่มขึ้น 6.71 จุด หรือ +0.14%

o    ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,766.22 จุด ลดลง 15.51 จุด หรือ -0.10%


  • ดุลบัญชีการค้าสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนขาดดุลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ยอดนำเข้าพุ่ง ในขณะที่ยอดส่งออกตก ยอดขาดดุลการค้าเดือนพฤศจิกายนขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า 17.5% มาอยู่ที่ระดับ 97,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำสถิติใหม่แซงสถิติที่เดิมที่เดือนกันยายนปีนี้ที่ระดับ 97,000 ล้านเหรียญ ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 4.7% และยอดส่งออกลดลง 2.1% จากเดือนตุลาคม

  • เวิลด์แบงก์เตือนภาวะหนี้สูงอาจชะลอฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำกำลังทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวมไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตือนว่า การปล่อยกู้ให้แก่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายควรดำเนินการด้วยความโปร่งใส

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ตอบรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง แม้ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนแพร่ระบาด

o    สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 76.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

o    ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 79.23 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 80 เหรียญต่อบารร์เรล จากปัจจัย (1) การปิดปรับปรุงและซ่อมบำรุง รวมถึงการปิดถาวรของแท่นน้ำมันเก่าใน เอกวาดอร์ ลิเบียและไนจีเรีย (2) การปรับลดลงของปริมาณน้ำมันสำรองคงคลังของสหรัฐ ปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกที่ชดเชยปัจจัยลบจากกรณีการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่กดดันความต้องการใช้น้ำมัน

 

ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19



  • ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข้อมูลเบื้องต้น สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 3,037 ราย เสียชีวิต 25 คน หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 3,115 ราย หายป่วยสะสม 2,137,827 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) และผู้ป่วยกำลังรักษา 33,399 ราย

  • นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว สนับสนุนคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ที่ให้ลดระยะเวลาในการกักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ เหลือเพียง 5 วัน จากเดิม 10 วัน โดยนายแพทย์เฟาชีระบุว่า การลดระยะเวลากักตัวเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถกลับไปทำงานได้เร็วขึ้น

  • นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออฟซ์ฟอร์ด ระบุ ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไม่เหมือนไวรัสโควิดสายพันธุ์ก่อนๆ โดยไวรัสโควิดโอมิครอนมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า ผู้ติดเชื้อใช้เวลาในการรักษาตัวในโรงพยาบาลสั้นกว่า เหลือเพียงประมาณ 3 วัน ทั้งยังไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นี่คือสิ่งที่ต่างไปจากเชื้อไวรัสโควิดที่ระบาดเมื่อปีที่ผ่านมา

  • สหรัฐพบผู้ป่วยโควิด-19 วันเดียวทะลุ 510,000 ราย มากเป็นสถิติใหม่ รายงานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุว่า สหรัฐตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันสูงเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ ที่ 27 ธ.ค. โดยอยู่ที่ 512,553 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1,762 ราย โดยยอดผู้ป่วยใหม่รายวันข้างต้นถือเป็นสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ในสหรัฐ

  • เกาหลีใต้เปิดเผย ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 5,000 รายเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน และตัวเลขของผู้ป่วยหนักทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศเพิ่มเป็น 620,938 ราย

  • นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์สัน จะไม่บังคับใช้มาตรการควบคุมการระบาดของโควิดอย่างเข้มงวด อย่างน้อยไปจนถึงสิ้นปีนี้

 

ข่าวอื่นๆ


  • จีนเตือนดำเนินมาตรการขั้นรุนแรง หากไต้หวันปลุกปั่นแยกตัวเป็นอิสระจากจีน พร้อมเสริมว่าการกระทำอันยั่วยุของไต้หวันและการแทรกแซงกิจการจากภายนอก อาจทวีความรุนแรงขึ้นในปีหน้า

  • จับตาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ - รัสเซียหลังหารือวิกฤติยูเครนปีหน้า โดยทั้งสองฝ่ายจะตกลงเรื่องวันที่ ที่แน่นอนในการประชุมร่วมกันอีกครั้ง ในส่วนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐ ปฏิเสธที่จะส่งกำลังทหารอเมริกันเข้าไปยังภูมิภาคที่กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียดนี้ หากรัสเซียโจมตียูเครน แต่มีแผนจะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งขีปนาวุธจาเวลิน ไปให้รัฐบาลยูเครนใช้ในปฏิบัติการป้องกันตนเอง ด้านประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ตำหนิชาติตะวันตก ว่าเป็นตัวการเพิ่มความตึงเครียดแก่ภูมิภาคยุโรปตะวันออก 

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com