• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 มกราคม 2565

    4 มกราคม 2565 | Gold News

เกี่ยวกับทองคำ


  • หลายปัจจัยกดดันราคาทองคำพร้อมกัน ราคาทองคำยืนเหนือ 1,800 เหรียญ ปัจจัยที่กดดันราคาทองคำได้แก่ (1) การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเหนือระดับ 1.60% (2) ภาวะ Risk-on หรือภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด (3) ความต้องการดอลลาร์ที่สูงขึ้น


o    ราคาทองคำตลาดโลก  ปรับตัวลดลง -24.54 เหรียญ หรือ -1.34% มาอยู่ที่ระดับ 1803.81 เหรียญ

o    สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange)  ปรับตัวลดลง -25.5 เหรียญ หรือ -1.39% มาอยู่ที่ระดับ 1803.8 เหรียญ

o    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน  ปรับตัวลดลง -37.5 เซนต์หรือ -1.61% มาอยู่ที่ระดับ 22.912 เหรียญ

o    กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 975.66 ตัน

 

มุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ


  • J.P.Morgan ประเมินปี 2022 ราคาทองคำไม่สามารถทนแรงต้านจาก FED ได้ คาดการณ์ราคาทองคำร่วงไปสู่ระดับราคาเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติการระบาดโควิด จากการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากของ FED จะส่งผลลบต่อราคาทองคำและโลหะเงินตลอดทั้งปี 2022 โดยมองในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ราคาจะทรงตัวเฉลี่ยที่ระดับ 1,795 เหรียญต่อออนซ์ และจะค่อยๆปรับลดลงจนเข้าสู่ระดับราคาเฉลี่ย 1,520 เหรียญต่อออนซ์ในไตรมาสที่ 4 ของปี

  • J.P.Morgan ประเมินว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายนปีนี้ โดยประเมินจากสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสำหรรัฐจะทยอยปรับขึ้นจนสู่ระดับ 2.0% ในชช่วงกลางปีและสู่ระดับ 2.25% ในช่วงปลายปี ส่งผลให้ Yield curve มีความชันสูงขึ้นในช่วงต้นปี

  • J.P.Morgan มองกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์เป็นขาขึ้น สินค้าโภคภัณฑ์จะให้ผลตอบแทนสูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 2000 โดยภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ระดับสินค้าคงคลังที่ยังขาดหายไปและอุปทานที่ยังไม่สามารถตอบสนองอุปสงค์ได้เพียงพอ จะสร้างผลตอบแทนในระดับตัวเลข 2 หลักให้กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

  • J.P.Morgan มองเชิงบวกอย่างมากกับทิศทางราคาน้ำมัน มองว่าน้ำมันจะเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่ประเทศกลับมาเปิดมากขึ้น ตลอดช่วงปี 2022 รวมถึง คาดการณ์การบริโภคน้ำมันที่จะสูงขึ้นกว่า และการผลิตน้ำมันเชลล์ออยล์ในสหรัฐก็ไม่ปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่ OPEC ยังคงอยู่ในสถานการณ์ที่กำลังเจรจาต่อรองส่วนแบ่งทางการตลาด

 

ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.55 เหรียญ หรือ 0.57% มาอยู่ที่ระดับ 96.23 เหรียญ ดัชนีดอลลาร์อินเด็กซ์ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 96.0 จุด หลังจากที่ในช่วงสิ้นปีปรับตัวลดลงหลุดระดับ 96.0 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมหลังจากการประกาศตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูงถึง 97,000 เหรียญ สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 89,000 เหรียญ 

  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 11.7 เบสิสพ้อย ยืนเหนือระดับ 1.60% อยู่ที่ระดับ 1.631%

  • Real Yield หรือ อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรป้องกันเงินเฟ้อหรือ TIPS ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ -1.0% จากเดิมที่ -1.06% และยังมีช่องว่างที่จะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ ซึ่งจะกดดันราคาทองคำในระยะถัดไป

  • ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่า เงินบาทมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.80 ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยสำคัญในประเทศที่ต้องติดตามคือรายงานการประชุมเฟดจากการประชุมในช่วงวันที่ 14-15 ธันวาคม 2021 ซึ่งจะเปิดเผยถึงรายละเอียดในการตัดสินใจเร่งลดคิวอีเป็น 2 เท่าของเฟด รวมถึงมุมมองต่อเงินเฟ้อและตลาดแรงงานด้วย

 

ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ

 

  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ ขานรับมุมมองบวกที่ว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นบริษัทแอปเปิล อิงค์ และหุ้นบริษัทเทสลา มอเตอร์

o    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,585.06 จุด เพิ่มขึ้น 246.76 จุด หรือ +0.68%,

o    ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,796.56 จุด เพิ่มขึ้น 30.38 จุด หรือ +0.64% และ

o    ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,832.80 จุด เพิ่มขึ้น 187.83 จุด หรือ +1.20%


  • หุ้นเอเชียแปซิฟิกคละกันในเช้าวันจันทร์ โดยการค้าขายยังคงเบาบางในวันซื้อขายแรกของปี 2022 สำหรับบางตลาด

  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ปรับลดลง 8,000 รายเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 198,000 ราย โดยเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 208,000 ราย ตัวเลขดังกล่าวเข้าใกล้ระดับต่ำที่สุดเใื่อต้นเดือนที่ 188,000 รายซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 52 ปี

  • หนึ่งในคณะกรรมการธนาคารกลาง ECB ชี้ว่า ECB ควรจะรีบยกเลิกมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรเร็วกว่านี้ ตราบเท่าที่อัตราเงินเฟ้อยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และยังชี้ว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่ ECB ควรจะเริ่มทยอยปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งปัจจุบันระดับเงินเฟ้อได้เข้าใกล้เป้าหมายของ ECB ที่ตั้งไว้แล้ว

  • ดัชนี PMI ภาคการผลิตยูโรโซนเดือนธ.ค.ยังคงแข็งแกร่ง หลังปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลาย โดยปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 58.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 58.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลคาดการณ์ขั้นต้นอย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ยังคงปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 แสดงถึง ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว

  • นักลงทุนรอตัวเลขภาคการผลิตของ Caixin และ PMI ภาคบริการ ของจีน ซึ่งจะประกาศในสัปดาห์นี้

 

ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการประชุมวันนี้


o    สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 76.08 ดอลลาร์/บาร์เรล

o    สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 78.98 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • ลิเบีย ปรับลดกำลังการผลิตนำมันลงอีก 2 แสนบาร์เรลต่อวัน และกำลังพยายามซ่อมแซมท่อนำมันที่ได้รับความเสียหาย จากกการปรับลดกำลังการผลิต ทำให้กำลังการผลิตของลิเบียลดสู่ระดับ 7 แสนบาร์เรลต่อวัน อยู่ในระต่ำที่สุดในรอบมากกว่าหนึ่งปี

  • ตลาดน้ำมันจะยังคงไม่ตึงตัวอย่างเช่นเดือนก่อนหน้า จากการที่ OPEC+ และสหรัฐเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจำนวนแท่นขุดเจาะเชลล์ออยล์เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 17 ติดต่อกัน ในขฯะที่แหล่งข่าวจาก OPEC+ กล่าวว่า OPEC+ จะยืนยันดำเนินตามแผนเพิ่มการกำลังการผลิต 400,000 บาร์เรลต่อวันในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้ 

 

ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


  • ศูนย์ข้อมูล COVID-19 ของรัฐบาล และศูนย์ EOC กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) รายงานข้อมูลเบื้องต้น สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 2,927 ราย หายป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,903 ราย หายป่วยสะสม 2,150,207 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน) ผู้ป่วยกำลังรักษา 33,114 ราย และเสียชีวิต 18 รายการฉีดวัคซีนโควิดยี่ห้อ Johnson and Johnson (J&J) 2 เข็ม ช่วยลดโอกาสต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากติดเชื้อไวรัสสายพันธ์ุโอมิครอนลงได้ถึง 85% ในช่วงเวลา 1 - 2 เดือนหลังได้รับเข็มที่ ทั้งนี้ปกติวัคซีน J&J ฉีก โดสละ 1 เข็มเท่านั้น

  • การระบาดของเชื้อโอมิครอนยังคงดำเนินต่อไปในประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่จีนไปจนถึงสหรัฐอเมริกา โดยมีจำนวนผู้ป่วยทั่วโลกสูงถึง 290 ล้านราย ณ วันที่ 3 มกราคม ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

  • สหรัฐชี้จำนวนผู้เสียชีวิต-เข้าโรงพยาบาลจากโควิดยังต่ำ แม้พบผู้ติดเชื้อโควิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ค่าเฉลี่ยรายวันของจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 60% ในสัปดาห์ก่อน แตะ 240,400 รายต่อวัน ส่วนอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเฉลี่ยต่อวันในช่วงเวลาเดียวกันเพิ่มขึ้น 14% แตะ 9,000 รายต่อวัน และจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงประมาณ 7% แตะ 1,100 รายต่อวัน

  • การติดเชื้อ coronavirus ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเจ็ดวันโดยในแต่ละวันมีการตรวจพบผู้ป่วยเกือบหนึ่งล้านรายทั่วโลกโดยเฉลี่ยระหว่างวันที่ 23 ถึง 29 ธันวาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 100,000 รายจากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ในวันพุธ

 

ข่าวอื่นๆ


  • China Evergrande Group หุ้นฮ่องกงถูกระงับการซื้อขายเมื่อช่วงเช้าของวัน บริษัทไม่ได้ระบุเหตุผลในการระงับในครั้งนี้

 

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com