ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- ทองดิ่งลง หลังคำแถลงการณ์ของพาวเวลล์ที่มีท่าท่าเข้มงวดทางนโยบายการเงิน สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด ราคาทองคำปรับตัวลดลง 28 เหรียญต่อออนซ์
- ราคาทองคำตลาดโลก ปิดปรับตัวลดลง -1.6% มาอยู่ที่ระดับ 1,818.66 เหรียญ หลังจากที่ทำต่ำสุด -1.8% หรือที่ระดับ 1,815.06 เหรียญ ในสัปดาห์
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับตัวลดลง -1.2% มาอยู่ที่ระดับ 1,829.70 เหรียญ
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน ปรับตัวลดลง -1% มาอยู่ที่ระดับ 23.59 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ซื้อเข้า 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,014.26 ตัน ภาพรวมเดือนมกราคม ซื้อสุทธิ 38.6 ตัน
- ในวันศุกร์ที่ผ่านมา กองทุน ETF SPDR มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2004 โดยมีมูลค่าในรูปเงินดอลลาร์กว่า 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐภายในวันเดียว คิดเป็นน้ำหนักทองคำ 27.9 ตัน ในขณะที่นักวิเคราะห์จาก Commerzbank AG กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากที่ราคาทองคำไม่ปรับขึ้นแม้ว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุน ETF มูลค่ามหาศาล
- นักกลยุทธ์ MKS PAMP ผู้นำด้านทองคำระดับโลกสัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ กล่าวว่า ทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผิดพลาดทางนโยบายของเฟด หากที่เฟดเร่งใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้น เมื่อถึงจุดหนึ่ง การลงทุนในทองคำจะสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในหุ้น
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐ นายเจอโรม พาวเวลล์แถลง “เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในทุกการประชุมถ้าจำเป็น” สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการแถลงเชิงนโยบายการเงินเข้มงวดมากกว่าที่ตลาดคาด และ เฟดยังไม่ระบุกรอบเวลาและปริมาณการลดขนาดงบดุลธนาคารกลางที่เฉพาะเจาะจง แต่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดอาจดำเนินการอย่างรวดเร็วขึ้นและล่วงหน้ากว่าเดิม กว่าที่ดำเนินการครั้งก่อน ส่งผลให้ดอลลาร์ปรับตัวขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.855% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.172% อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.095%
- นายเจอโรม พาวเวลล์ แถลง “คณะกรรมการมีความพร้อมที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในโยบายในการประชุมรอบเดือนมีนาคม” เป็นไปตามที่ตลาดคาด และระบุ “ผมคิดว่า สภาพเศรษฐกิจมีพื้นที่เพียงพออยู่บ้างสำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยที่จะไม่กระทบตลาดแรงงาน”
- ในถ้อยแถลงหนึ่งของพาเวลล์ บ่งชี้ว่า เฟดคาดการณ์ว่าการดำเนินการลดขนาดงบดุลจะเริ่มขึ้นหลังจากที่เฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
- เฟดยังไม่ระบุกรอบเวลาและปริมาณการลดขนาดงบดุลธนาคารกลางที่เฉพาะเจาะจง แต่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดอาจดำเนินการอย่างรวดเร็วขึ้นและล่วงหน้ากว่าเดิม กว่าที่ดำเนินการครั้งก่อน
- ในถ้อยแถลงหนึ่งของพาเวลล์ ระบุว่า “มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูงอย่างยาวนาน แม้ว่าจะไม่ใช่อยู่ในการคาดการณ์กรณีปกติของเรา”
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.53 จุด หรือ 0.56% มาอยู่ที่ระดับ 96.48 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.012% มาอยู่ที่ระดับ 1.781%
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.15 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.96 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ33.05-33.25 บาทต่อดอลลาร์
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ หลังจากเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วขึ้น เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนอย่างใกล้ชิด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,168.09 จุด ลดลง 129.64 จุด หรือ -0.38%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,349.93 จุด ลดลง 6.52 จุด หรือ -0.15% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,542.12 จุด เพิ่มขึ้น 2.82 จุด หรือ +0.02%
- เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท Oanda Corporation กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวในแดนบวกเนื่องจากผลการประชุมเฟดออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่หลังจากที่นักลงทุนได้ฟังการแถลงข่าวของนายพาวเวลแล้ว ตลาดก็ไหลลงสู่แดนลบทันที เนื่องจากคำแถลงดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วกว่าและรุนแรงมากกว่าที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้”
- ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 9 เดือน ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.9 จากเดือนก่อนหน้าเป็น 811,000หลังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาดที่ 760,000หลังทำให้ยอดขายบ้านแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
ข่าวเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
- อัตราความคาดหวังเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรปรับตัวเพิ่มสูงสุดเป้นประวัติการณ์ โดยความคาดหวังเงินเฟ้อใน 12 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นสู่ระดับ 4.8% ในเดือนมกราคมนี้ เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 4.0% สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นสำรวจมา และอัตราความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวในช่วง 5 - 10 ปีข้างหน้าทรงตัวที่ 3.8% สูงที่สุดในปรับ 8 ปี ทำให้มีมุมมองว่า ความคาดหวังเงินเฟ้อระยะยาวที่ยังคอยู่ในระดับสูง หนุนภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในเดือนข้างหน้าให้เร่งตัวขึ้น
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนและความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 87.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 89.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในการประชุมในวันที่ 2 ก.พ. เพื่อพิจารณานโยบายการผลิตสำหรับเดือนมี.ค.
- ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโจ ไบเดน ได้อนุมัติให้ทางกระทรวงพลังงานสหรัฐระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) ปริมาณ 13.4 ล้านบาร์เรล ให้กับบริษัททั้ง 7 แห่ง เพื่อบรรเทาปัญหาราคาน้ำมัน
- สต็อคน้ำมันดิบในคลังสำรองมันทางยุทธศาสตร์ (SPR) ของสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2002.ในขณะที่ราคาส่งมอบล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์แตะระดับ $90 ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014
- หัวหน้านักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก Goldman Sachs กล่าวว่า จะไม่เกิดการขัดขวางการส่งน้ำมันในยูเครน โดยทั้งการส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่ก่อตัวในยูเครน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสถานการณ์ตึงเครียดเปิดโอกาสขาขึ้นของราคาประมาณ 2 เหรียญต่อบาร์เรลสำหรับน้ำมัน และ 4 เหรียญต่อบีทียูสำหรับก๊าซธรรมชาติ
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- บริษัทสหรัฐฯ หลายแห่ง เรียกร้อง ไบเดน และสภาคองเกรส ระวัง การใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หากนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียลุกล้ำเข้ายูเครน ขณะที่ด้านบริษัทใหญ่หลายแห่ง รวมถึงภาคธุรกิจต่างออกมาเตือนทำเนียบขาวและสถานิติบัญญัติให้ระมัดระวังถึงการกระทำดังกล่าว โดยภาคธุรกิจต่างๆ ได้แก่ Chevron, General Electric รวมถึงบริษัทใหญ่หลายแห่งของสหรัฐฯ ที่ประกอบธุรกิจในรัสเซีย เรียกร้องให้ทำเนียบขาวพิจารณาอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ปฏิบัติตามข้อตกลง และพิจารณาถึงผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยกเว้น หากใช้มาตรการคว่ำบาตร ขณะที่บริษัทกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่หลายแห่งต่างผลักดันให้สภาคองเกรสกำหนดขอบเขตและกรอบเวลา
- รมช. ต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า รัสเซียอาจเข้ารุกรานยูเครนในช่วงตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ หากเป็นช่วงก่อนการจัดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่กรุงปักกิ่งประเทศจีนก็จะส่งผลให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก โดยพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกจะจัดขึ้นในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ประธานาธิบดีรัสเซีย นายปูติน จะเข้าร่วมพิธีเช่นกัน
- สหรัฐประกาศแจ้งให้ชาวอเมริกันที่ยังอยู่ในยูเครนให้ออกจากพื้นที่
- รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเยอรมนีระบุว่า จะส่งมอบหมวกทหารจำนวน 5,000 ใบกับยูเครน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเยอรมนีปฏิเสธการสนับสนุนอาวุธให้กับยูเครนเพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
· สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,078 ราย ผู้ป่วยสะสม 183,587 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,407,022 ราย เสียชีวิต 22 ราย เสียชีวิตสะสม 22,098 ราย
- เยอรมนีรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทำ new high อีกครั้งที่ 164,000 ราย ปัจจุบันมีเพียง 75% ของชาวเยอรมันได้รับวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรก น้อยกว่าฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ซึ่งหัวข้อที่ทางเยอรมนีกำลังเสนอโต้วาทีคือ จะให้ประชาชนวัยผู้ใหญ่ทุกคนได้รับวัคซีน หรือจะแค่เพียงผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไปเท่านั้น
- ฝรั่งเศสรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ทำ new high เช่นกันที่ 501,635 ราย แตะระดับครึ่งล้านรายเป็นครั้งแรก โดยผู้ป่วยมากกว่า 30,000 รายยังคงรักษาอาการโควิดที่โรงพยาบาล นับเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2020
- ญี่ปุ่นรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงกว่าระดับ 70,000 รายต่อวันเป็นครั้งแรก โดยยอดสูงขึ้นทำ new high ติดต่อกันเป็นวันที่สอง ซึ่งเฉพาะยอดในกรุงโตเกียว ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ทำจุดสูงสุดเช่นกันจำนวน 14,086 ราย
- องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เผยว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โควิด-19 ตัวถัดไป อาจจะแพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์โอมิครอน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือจะอันตรายถึงชีวิตหรือไม่
ที่มาจาก : Reuters, Bloomberg, FXstreet, Infoquest, Kitco, The Guardian