ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2564
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -1.3% มาอยู่ที่ระดับ 1,794.30 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ปรับตัวลดลง -2% มาอยู่ที่ระดับ 1,793.10 เหรียญ
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน ปรับตัวลดลง -85.3 เซนต์หรือ -3.62% มาอยู่ที่ระดับ 22.735 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,014.26 ตัน ภาพรวมเดือนมกราคม ซื้อสุทธิ 38.6 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 38.6 ตัน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 1.25 จุด หรือ 1.31% มาอยู่ที่ระดับ 97.2 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.066% มาอยู่ที่ระดับ 1.844%
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าลง จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.20 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ33.20-33.40 บาทต่อดอลลาร์
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America ออกบทวิเคราะห์คงคำแนะนำซื้อดอลลาร์ หลังจากเฟดส่งสัญญาณเฟดมีท่าทีเข้มงวดในนโยบายการเงิน และยังระบุว่า “การประชุมเฟดในเดือนมกราคมตอดย้ำมุมมองของเราที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ ซึ่งนี่จะทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นทุกช่วงอายุปี และปรับแบนราบลงแบบหมี (Bear Flattening)
- นักเศรษฐศาสตร์จาก ING คาดว่า ดัชนีดอลลาร์จะปรับตัวสูงขึ้นไปแตะระดับ 97 จุดซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมให้ความเห็นว่า จะเป็นการด่วนสรุปเกินไปที่จะบอกว่าการที่เฟดมีท่าที่นโยบายการเงินเข้มงวด หรือราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกสะดุดตัวลง และระบุว่ายังคงมุมมองว่า เงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ
- นักวิเคราะห์จากโนมูระปรับเพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด มองว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น 0.50% ในการประชุมเดือนมีนาคมนี้
- จากผลสำรวจของรอยเตอร์ มีความเห็นของนักวิเคราะห์บางท่านระบุว่า “มุมมองต่อเงินบาทในปัจจุบันเป็นกลาง (Neutral) ซึ่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่มีมุมมองเชิงลบมาต่อเนื่องตั้งแต่กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวนตลอดทั้งวัน โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2564 แต่ขณะเดียวกันตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,160.78 จุด ลดลง 7.31 จุด หรือ -0.02%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,326.51 จุด ลดลง 23.42 จุด หรือ -0.54%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,352.78 จุด ลดลง 189.34 จุด หรือ -1.40%
- ประกาศการเติบโตตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ของปีเติบโต 6.9% สูงกว่าไตรมาสที่ 3 ที่เติบโต 2.3% และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.5% โดยการเติบโตได้รับการขับเคลื่อนจาก การลงทุนในสินค้าคงคลังของภาคเอกชน, การส่งออก , ภาคการบริโภค และะการลงทุนถาวรที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่ การใช้จ่ายภาครัฐปรับตัวลดลง
- ประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐ 260,000 ราย เป็นไปตามที่ตลาดคาด และลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 290,000 ราย
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันที่ 2 ก.พ.นี้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 74 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 86.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 89.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
- นักวิเคราะห์คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดไวรัส Covid-19 โดยราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นเพื่อเป็นการดึงดูดผู้ผลิตให้เข้ามาขุดเจาะน้ำมันและเป็นการกีดกัดการบริโภคน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบหลายปี
- นักวิเคราะห์จากบริษัท The Price Futures Group กล่าวว่า แม้ตลาดน้ำมันได้รับปัจจัยบวกส่วนหนึ่งจากวิกฤตการณ์ในยูเครนและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก แต่ขณะนี้นักลงทุนเริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2564 อาจเป็นแรงผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นอีก
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐได้ส่งเอกสารถึงรัฐบาลรัสเซียเพื่อเปิด “ช่องทางการเจรจาสำคัญในอนาคต” ในกรณีที่รัสเซียตัดสินใจรุกรานยูเครน
- รัสเซียแสดงท่าทีหลังได้รับหนังสือตอบกลับจากทางสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐไม่ตอบสนองในประเด็นความมั่นคงที่รัสเซียเรียกร้อง แต่รัสเซียจะยังเปิดให้มีการเจรจาประเด็นยูเครนต่อไป นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะยังไม่เร่งด่วนทำการสรุปใดๆ หลังจากได้รับคำตอบจากทางสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยรัสเซียจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการพิจารณาท่าทีตอบโต้สหรัฐ
- เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูก นับเป็นครั้งที่ 6 ในเดือนม.ค. ขณะที่สหรัฐฯ ประณามการทดสอบยิงขีปนาวุธจำนวนมาก โดยนักวิเคราะห์ เผยว่า เป็นการทดสอบยิงขีปนาวุธมากที่สุดในรอบ 1 เดือน นับตั้งแต่เริ่มต้นปี 2022 อย่างไรก็ตาม นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการคว่ำบาตรบุคคลและหน่วยงานของเกาหลีเหนือและรัสเซียจำนวนมากในเดือนนี้ ในข้อกล่าวหาว่าช่วยโครงการขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
· สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,450 ราย ผู้ป่วยสะสม 192,037 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,415,472 ราย เสียชีวิต 28 ราย เสียชีวิตสะสม 22,126 ราย
- หน่วยงานกำกับควบคุมเรื่องยาของสภาพยุโรป อนุญาตให้ยาต้านโควิดแบบรับประทานของบริษัทยาไฟเซอร์ สามารถใช้กับผู้ป่วยโควิดที่มีความรุนแรงได้
- จีนพยายามหาทางออกของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ จีนยังคงใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ต่างจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลกที่เรียนรู้จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 และจีนยังคงเข้มงวดกับยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งทางออกของนโยบายนี้เป็นเรื่องยากที่จะหาทางแก้ไข เนื่องจากทางการจีนยังคงกังวลเกี่ยวกับความสามารถของระบบการรักษาพยาบาลที่จะรับมือและปรับตัวเข้ากับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของจีนเชื่อว่าในปีที่แล้ว อัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้นจะทำให้จีนผ่อนคลายกฎระเบียบที่เข้มงวดในการเดินทางและการตรวจหาเชื้อ เนื่องจากอัตราการติดเชื้อในที่ต่างๆ ได้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี จีนยังกังวลว่าค่าใช้จ่ายในการป้องกันจะสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบการรักษาพยาบาลที่ล้าหลังในการพัฒนาในวงกว้าง
- ผลการศึกษาในประเทศอังกฤษ พบว่า สองในสามของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดสายพันธ์ุโอมิครอน เคยติดเชื้อโควิดมาก่อน เป็นผลมาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเข้าทดแทนสายพันธ์ุหลักเดลต้าก่อนหน้า
- ออสเตรเลียรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ลดน้อยลง หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังคงทรงตัว ทำให้เกิดความหวังว่าการแพร่ระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศอาจถึงจุดสูงสุดแล้ว
ที่มาจาก : Reuters, Bloomberg, FXstreet, Infoquest, Kitco, The Guardian