• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565

    8 กุมภาพันธ์ 2565 | Gold News

Hilight 3 ข่าวเด่น


  • มีสัญญาณความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐ มีโอกาสที่สหรัฐจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อเปิดทางสู่โครงการความร่วมมือด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์นานาชาติในช่วงเวลาที่การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 อาจส่งผลให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก


  • นักวิเคราะห์จาก StoneX คาดการณ์ ราคาทองคำจะปรับขึ้นสู่ระดับ 1,900 เหรียญต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ แต่จะระหว่างนี้จะยังคงแกว่งตัวอย่างน่าเบื่อบริเวณ 1,800 เหรียญต่อออนซ์ไปอีกสักระยะ โดยมีปัจจัยหนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำจากจาก (1) ปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ (2) อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงยังคงติดลบ (Real negative interest rates) และ (3) ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า จากยุโรปเปลี่ยนท่าทีใช้นโยบายการเงินเข้มงวด และเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่เริ่มฟื้นตัว


  • รัฐบาลญี่ปุ่นแสดงการคัดค้านหลังรัสเซียประกาศว่า จะดำเนินการซ้อมรบทางทะเลนอกชายฝั่งเกาะคุนาชิริ ซึ่งญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์ โดยญี่ปุ่นได้ดำเนินการเรียกร้องเพื่อทวงคืนเกาะดังกล่าวและเกาะอีกหลายแห่งที่เป็นข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับรัสเซีย

 

มุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ - ทองคำ


  • SPI Asset Management ชี้ว่า องค์ประกอบของเงินเฟ้อนอกจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานก็คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะไม่หายไป ไม่ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเท่าไหร่ก็ตาม และระบุว่า ราคาทองคำยังมีท่าทีค่อนข้างระมัดระวัง จากที่ตลาดรับรู้ถึงความเป็นไปได้ของการเกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง (Hyperinflation)


  • นักวิเคราะห์จาก StoneX คาดการณ์ ราคาทองคำจะปรับขึ้นสู่ระดับ 1,900 เหรียญต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ แต่จะระหว่างนี้จะยังคงแกว่งตัวอย่างน่าเบื่อบริเวณ 1,800 เหรียญต่อออนซ์ไปอีกสักระยะ โดยมีปัจจัยหนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำจากจาก (1) ปัจจัยความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ (2) อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงยังคงติดลบ (Real negative interest rates) และ (3) ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่า จากยุโรปเปลี่ยนท่าทีใช้นโยบายการเงินเข้มงวด และเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่เริ่มฟื้นตัว


  • นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank กล่าวว่า ทองกลายเป็นสินทรัพย์หลบเลี่ยงความเสี่ยงชั้นเยี่ยมในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการหลบความเสี่ยงจากการร่วงของราคาหุ้นและตราสารหนี้ซึ่งสะท้อนในรูปการขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล พร้อมระบุมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับทองคำว่า ปัจจัยเงินเฟ้อที่เกิดเป็นที่แน่ชัดว่าไม่ใช่แค่เงินเฟ้อชั่วคราว และอีกปัจจัยที่ไม่สามารถละเลยได้คือ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับยูเครน

 

มุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ -ธนาคารกลาง, อัตราแลกเปลี่ยน และเศรษฐกิจ


  • นักวิเคราะห์จาก Societe General ชี้ว่า ค่าเงินยูโรจะแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับ 1.1600 ดอลลาร์ต่อยูโร จากการที่ ECB (ธนาคารกลางยุโรป) กลับลำนโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้น และคาดว่า ECB จะยุติมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ (QE) ภายในกลางปีนี้ และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยคาด ECB จะระบุความชัดเจนเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานในการประชุมวันที่ 10 มีนาคมนี้


  • นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ Pepperstone ระบุว่า ตลาดจะยังคงเดาระดับอัตราดอกเบี้ยว่าระดับใดคือระดับที่ถูกต้อง จนกว่าตัวเลขเงินเฟ้อ CPI จะประกาศ ซึ่งส่งผลให้ อัตราผลตอบแทนระยะสั้นของเส้นอัตราผลตอบแทนยังแกว่งตัวผันผวน และค่าเงินสกุลหลักอื่นๆ ยังเกิดความผันผวนเช่นกัน


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก DBS คาดการณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในช่วงต้นปี 2023 เมื่อระดับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยกลับสู่ช่วงก่อนการระบาดของโควิดและอยู่บนสมมุติฐานว่า อัตราเงินเฟ้อและผลกระทบจากการที่สหรัฐปรับขึ้นดอกเบี้ย อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ นอกจากนี้ยังระบุว่า การที่ประเทศไทยมีแนวนโยบายการเงินที่ต่างจากเฟด จะนำไปสู่ความผันผวนของเม็ดเงินลงทุน แต่ธนาคารกลางแห่งประเทศไทยเองก็ยังคงมีระดับเงินทุนสำรองที่เพียงพอในการจัดการผลกระทบจากเม็ดเงินลงทุนไหลออกและค่าเงินบาทอ่อน

 

มุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ - น้ำมัน


  • นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ ระบุว่า เหล่านักลงทุนเทขายน้ำมันทำกำไรระยะสั้นจากประเด็นความคืบหน้าการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐและอิหร่าน แต่ก็มีแรงเข้าซื้อใหม่อีกครั้งหลังเกิดการพักฐานทางเทคนิคของกราฟราคา ปัจจัยหนุนจากปัจจัยอุปทานน้ำมันโลกยังคาดว่าจะคงตึงตัวต่อไป

 

 

ที่มาจาก :   ReutersFXstreet, FxEmpires

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com