ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือนในวันพุธ โดยได้แรงหนุนจาก (1)การที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ยืนยันว่า รัสเซียยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน และ (2) รายงานการประชุมเฟดมีท่าทีผ่อนคลายกว่าที่ตลาดคาดไว้เดิม เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 18.07 เหรียญ หรือ 0.98% มาอยู่ที่ระดับ 1,870.9 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ปรับตัวขึ้น 18.3 เหรียญ หรือ 0.99% มาอยู่ที่ระดับ 1,872.8 เหรียญ
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. ปรับตัวขึ้น 22.2 เซนต์หรือ 0.95% มาอยู่ที่ระดับ 23.595 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันถือครองที่ 1,019.44 ตันภาพรวมเดือนกุมภาพันธ์ ซื้อสุทธิ 1.69 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 43.78 ตัน
- นักวิเคราะห์จาก Natixis ชี้ว่า เมื่อเฟดเริ่มขึ้นดอกเบี้ยและยิ่งกว่านั้นหากขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เราจะเห็นราคาทองคำปรับตัวลดลง แต่จะไม่เห็นราคาทองคำร่วงจนพังทลายลง นอกจากนี้ ยังชี้ว่า ราคาอาจจะปรับตัวลงไปถึงระดับ 1,700 เหรียญ หรืออาจถึงช่วงระดับราคาปลายๆ 1,600 เหรียญ
- ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ตลาดโภคภัณฑ์ของ Bank of China International ชี้ว่า เงินเฟ้อระดับสูงยังคงยืดเยื้อ เป็นเหตุผลที่ทองคำยังคงสามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเงินเฟ้อได้อย่างยาวนาน
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
· ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพุธ โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันศุกร์ หลังจากการประชุมเฟดครั้งล่าสุด ชี้ให้เห็นว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -0.59 จุด หรือ -0.61% มาอยู่ที่ระดับ 95.78 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวลดลง -0.023% มาอยู่ที่ระดับ 2.026%
- รายงานการประชุมเฟดเดือนมกราคม สมาชิกคณะกรรมการแสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและเสถียรภาพระบบการเงิน และยังมีสมาชิกหลายท่าที่เร่งให้ใช้นโยบายการเงินเข้มงวด
- ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมแผนเคลื่อนไหวเพื่อเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปในเดือนมีนาคม และ ได้กำหนดขั้นตอนในการเริ่มลดขนาดงบดุลที่มีมูลค่าเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งประกอบด้วยพันธบัตรเป็นส่วนใหญ่ที่ซื้อมาเพื่อกระตุ้นการเติบโตในช่วงวิกฤต covid
- นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Ingalls & Snyde ระบุว่า รายงายการประชุมเฟด มีท่าทีเข้มงวดน้อยลง(less hawkish) ส่งสัญญาณการข้ึ้นดอกเบี้ยดุดันน้อยลง กว่าที่ระบุไว้ก่อนหน้า รายงานการประชุมมีแนวโน้มทิศทางผ่อนคลาย(more dovish) กว่าที่นายเจอโรม พาวเวลล์แถลงก่อนหน้าในช่วงหลังการประชุมในเดือนมกราคม
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก State Street Global Advisors ระบุว่า ตลาดตีความว่าเฟดมีท่าทีผ่อนคลาย (More dovish) กว่าความคาดหวังเดิมของตลาด
- นักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคาร ING ชี้ว่า มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการใช้นโยบายทางการทูตแก้ไขปัญหาสถานการณ์ยูเครน จะกดดันค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนต่ำอื่นๆเช่นกัน
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด หลังจากรายงานการประชุมของเฟดบ่งชี้ว่า เฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงไปกว่าที่ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว นอกจากนี้ ได้รับแรงหนุนจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,934.27 จุด ลดลง 54.57 จุด หรือ -0.16%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,475.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.09% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,124.10 จุด ลดลง 15.66 จุด หรือ -0.11%
- นักวิเคราะห์จากธนาคาร ING ชี้ว่า รายงานตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) สูงกว่าที่ตลาดคาด กลายเป็นเรื่องไม่มีนัยยะสำคัญมากนัก จากการที่ตลาดให้ความสนใจกับการลดระดับความตึงเครียดในยูเครน
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชี้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นความเสี่ยงหลักของภาคธนาคารกลุ่มยูโรโซน จากการที่คนทำงานระยะไกลมากขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลให้ลดความต้องการใช้พื้นที่สำนักงาน และผู้คนก่อหนี้มากขึ้นในการซื้อบ้านราคาแพ
ข่าวเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
- เงินเฟ้อสหราชอาณาจักรปรับตัวสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 รายงานเงินเฟ้อสหราชอาณาจักรเดือนมกราคม อยู่ที่ระดับ 5.5% มากกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 5.4% และมากกว่าที่ตลาดคาดที่ 5.4% โดยราคาค่าสาธารณูปโภคภายในบ้านส่งผลกระทบมากที่สุด สาเหตุหลักจากราคาแกสที่ปรับเพิ่มขึ้น 28.3% เทียบกับปีก่อนหน้า และค่าไฟฟ้าที่ปรับสูงขึ้น 19.2% เทียบกับปีก่อนหน้า
- เงินเฟ้อด้านราคาผู้ผลิต(PPI)ของจีนเดือนม.ค. ชะลอตัวลงสู่อัตราต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ดัชนีราคาผู้ผลิต เพิ่มขึ้น 9.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2564 โดยชะลอลงจากที่ขยายตัว 10.3% ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าระดับ 9.5% ในผลสำรวจของรอยเตอร์ เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลจีนที่ควบคุมการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบทำให้ราคาผู้ผลิตลดลง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ชะลอตัวลงด้วย โดยเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนม.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 1% และชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้น 1.5% ในเดือนธ.ค.
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่า รัสเซียยังคงเสริมกำลังทหารตามชายแดนยูเครน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.59 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 93.66 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.53 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 94.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557
- นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ชี้ว่า ตลาดน้ำมันยังคงตึงตัวอย่างสุดขีด และราคาน้ำมันก็มีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ก่อนการยกระดับความตึงเครียดในยูเครน การที่ความตึงเครียดยูเครนคลี่คลายลงได้เพียงแต่ชะลอราคาน้ำมันที่สุดท้ายจะมุ่งสู่ระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลในที่สุด
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จากธนาคาร SEB ของนอเวย์ ระบุว่า ความเสี่ยงที่รัสเซียจะบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบได้ลดลงบางส่วน แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณว่าสถานการณ์ถอยไปสู่ระดับภาวะปกติ
- สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนเพิ่มขึ้น หลังจากองค์การนาโต้ระบุว่า กำลังพิจารณาเพิ่มกองกำลังนานาชาติในเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย และโปแลนด์ นำโดยสหราชอาณาจักร แคนาดา เยอรมนี และสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลฝรั่งเศสได้ยื่นข้อเสนอเพื่อนำกองกำลังนานาชาติในโรมาเนีย
- เลขาธิการนาโต(NATO) ชี้ว่า การที่รัสเซียดำเนินการเคลื่อนไหวกำลังพลอย่างเดียว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นการถอนทัพ พร้อมชี้ว่า ยังคงต้องติดตามว่ามีการถอนกำลังพลจริงหรือไม่ ในขณะที่นาโตยังคงเห็นการเพิ่มขึ้นของจำนวนกำลังพลของรัสเซีย
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐเห็นด้วยกับแนวทางของรัสเซียที่ต้องการจะใช้วิธีทางการทูตเพื่อแก้ไขความขัดแย้งเรื่องยูเครน แต่ประธานาธิบไบเดนตั้งข้อสังเกตว่า ยังคงมีความเป็นไปได้อย่างชัดเจนที่รัสเซียจะบุกโจมตียูเครน
- นางลิซ ทรูส รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวเตือนว่า รัสเซียยังคงมีแนวโน้มอย่างมากที่จะโจมตียูเครน จนกว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สั่งถอนกำลังทหาร “ทั้งหมด” จากชายแดนยูเครน
- ทางด้านนายบ็อบ ซีลี สมาชิกคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎรอังกฤษ กล่าวว่า รายงานที่ว่ารัสเซียได้ถอนกำลังทหารบางส่วนไม่สามารถบ่งชี้ว่าเป็นจุดสิ้นสุดของวิกฤตยูเครน-รัสเซีย เนื่องจากรัสเซียยังคงสามารถระดมกำลังทหารจำนวนมากในเวลาอันสั้น
- สภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย ให้การอนุมัติวานนี้ต่อร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ฝักใฝ่รัสเซีย
- ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ยังไม่ลงนามรับรอง "โดเนตสก์-ลูฮันสก์" ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย
- นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ วิจารณ์ การที่รัฐสภารัสเซียอนุมัติร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และบั่นทอนอธิปไตยของยูเครน
- ประธานาธิบดียูเครนให้คำปฏิญาณ "ประเทศของเราจะต่อสู้กลับ เราไม่กลัวใคร ไม่ว่าศัตรูใด ๆ ไม่ว่าใครหน้าไหนเข้ามารุกราน เราจะปกป้องตนเอง"
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,349 ราย ผู้ป่วยสะสม 432,976 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 2,656,411 ราย เสียชีวิต 22 ราย เสียชีวิตสะสม 22,538 ราย
- WHO รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสทั่วโลกปรับตัวลดลง 19% ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่
- รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก อยู่ที่ 417,887,641 ราย เพิ่มขึ้น 2,048,864 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก สะสมอยู่ที่ 5,866,939 ราย เพิ่มขึ้น 10,372 ราย
- อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด
- อันดับ 1 สหรัฐอเมริกา 79,744,583 ราย(+82,903)
- อันดับ 2 อินเดีย 42,752,542 ราย(+28,984)
- อันดับ 3 บราซิล 27,812,210 ราย(+147,252)
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.27 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในรอบ 7 เดือน จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิดวันวันที่ 15 ก.พ.) เป็นผลมาจากเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาซื้อทั้งหุ้นไทยและบอนด์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ ขณะที่ผลรายงานประชุมเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยกดดอลลาร์อ่อน
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest , Bloomberg, CNBC, Guardians