ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 50 เหรียญในวันพุธ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า ซึ่งอาจจะปูทางให้สงครามในยูเครนยุติลง
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวลดลง -54.53 เหรียญ หรือ -2.67% มาอยู่ที่ระดับ 1,989.04 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง -55.1 เหรียญ หรือ -2.7% ปิดที่ 1,988.2 เหรียญ
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.079 เหรียญ หรือ -4.01% ปิดที่ 25.816 เหรียญ
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าขายออก 4.06 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,063.28 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 34.26 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 87.62 ตัน
- นักเศรษฐศาสตร์ที่ Citibank กล่าวว่า สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในยูเครน หนุนการแกว่งตัวของราคาทองคำในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าการฟื้นตัวของตลาดทองคำอาจจะพลิกกลับได้ในอนาคต เนื่องจากความตึงเครียดทางการเมืองและความผันผวนที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาทองคำในระยะสั้นทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1,950 เหรียญ แต่คาดว่าราคาทองคำอาจจะกลับมาในทิศทางขาลงได้ที่ระดับ 1,750 เหรียญ
- นักวิเคราะห์จาก Standard Chartered คาดการณ์ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นผ่านจุดสูงสุดเดิมบริเวณ 2,070 เหรียญ โดยคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงจะเป็นปัจจุยหนุนราคาทองคำ ประกอบกับเศรษฐกิจจีนและอินเดียที่คาดว่าจะเติบโตอย่างสมเหตุสมผลจากการฟื้นตัวจากการระบาดโควิด และเป็นตลาดผู้ซื้อทองคำหลักของโลก โดยเฉพาะจีนที่จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น จะเป็นแรงหนุนราคาทองคำ
- นักกลยุทธ์ของ DailyFX กล่าวว่า จากการที่สหรัฐฯ และอังกฤษห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ดูจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำมากนัก และความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกดูจะไม่เพิ่มขึ้น
- นักวิเคราะห์จาก Fxstreets คาดว่า ราคาทองคำขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ระดับ 2,075.28 เหรียญ แม้ว่าราคาทองคำจะมีสัญญาณบวกอย่างระมัดระวังในตลาดก็ตาม โดยราคาทองคำทำรีบาวน์ที่ระดับ 2,040 ในวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางนักลงทุนหลีกเลี่ยงการถือครองสกุลเงินเสี่ยง เนื่องจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป
- นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA ยังคงมุมมองว่า ราคาทองคำและราคาพลาลเดียมที่เราเห็นการปรับตัวลงเป็นการพักฐานเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากการปรับขึ้นมาอย่างยาวนาน
- หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Tiger Brokers ชี้ว่า ราคาทองคำที่แนวต้านที่หนาแน่นที่บริเวณระดับจุดสูงสุดเดิม และเป็นไปได้ที่จะพักฐานลงใกล้บริเวณ 1,930 เหรียญโดยราคาจะแกว่งตัวสะสมพลังอยู่ในกรอบ 1,930 - 2,075 เหรียญและชี้ว่าหาก สถานการณ์ความไม่มีเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวลดลง -1.29 จุด หรือ -1.3% มาอยู่ที่ระดับ 98.0 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.177% มาอยู่ที่ระดับ 1.95%
- นักเศรษฐศาสตร์จาก HSBC มองว่า ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อ และความเสี่ยงขาลงของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะผลักดันค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันค่าความเสี่ยงทะยานขึ้นในระยะสั้น โดยปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์มีความชัดเจนว่ายังคงดำเนินค่อ ในขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลง เริ่มมีแนวโน้มมากขึ้น โดยเฉพาะจากการที่ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น ส่วนในประเด็นเฟดปรับนโยบายการเงินให้เข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์น้อยลง จากการที่ความคาดหวังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะยาวของเฟดที่ตลาดรับรู้ เริ่มเคลื่อนไหวลู่เข้าหากัน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- นางมาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนเพื่อแก้ไขความขัดแย้งนั้น กำลังมีความคืบหน้า พร้อมกับยืนยันว่ารัสเซียไม่มีความประสงค์ที่จะโค่นล้มรัฐบาลยูเครน และไม่มีเป้าหมายโจมตีพลเรือน ในขณะที่ยูเครนได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นสมาชิก NATO แล้ว
- ประธานาธิบดียูเครน เซเลนสกี กล่าวว่า ยูเครนพร้อมเปิดเจรจากับรัสเซีย ในกรณีให้ยูเครนคงความเป็นกลางระหว่างชาิตตะวันตกกับรัสเซีย หากรัสเซียการันตีความปลอดภับ แต่ยูเครนก็จะไม่ยอมเสียดินแดนใดๆเด็ดขาด
- สหภาพยุโรปได้ตกลงร่วมกันที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียและผู้มีอิธิพลของรัสเซีย และยังรวมถึงจำกัดการเดินเรือ และกีดกันสามธนาคารของเบลารุสในการเข้าถึงระบบชำระเงินสวิฟต์ (SWIFT)
- ทางการอังกฤษเตรียมยกระดับมาตรการคว่ำบาตรด้านการบินกับรัสเซีย ซึ่งจะทำให้อังกฤษมีอำนาจยึดอากาศยานของรัสเซียและห้ามการส่งออกสินค้าเกี่ยวกับอากาศยานและอวกาศให้กับรัสเซีย รวมถึงประกันภัยและการประกันภัยต่อ
- ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ลงนามผ่านร่างกฎหมายซึ่งอนุญาตให้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซียสามารถเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นได้ นอกจากนี้ เขาได้ลงนามผ่านร่างกฎหมายหลายฉบับซึ่งเป็นการนำมาตรการยกเว้นภาษีเงินทุน หรือ Capital amnesty มาใช้อีกครั้ง เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนชาวรัสเซียนำเงินกลับเข้ามาในรัสเซียโดยที่ไม่มีภาษีหรือบทลงโทษ ซึ่งมาตรการดังกล่าว รัสเซียเคยนำมาใช้ในช่วงปี 2018-2019
- ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) รายงานว่า การที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลถูกตัดไฟฟ้าไม่มีผลกระทบร้ายแรงด้านความปลอดภัย เนื่องจากปริมาณระบบน้ำหล่อเย็นมีเพียงพอในการลดระดับความร้อนแม้จะไม่มีการจ่ายกระแสไฟก็ตาม
- สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ชาวเกาหลีใต้โหวตเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันนี้ โดยเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างนายลี แจ-มยุง ผู้สมัครจากพรรคเดโมเครติคของรัฐบาลที่สัญญาว่าจะยกระดับการดำรงชีวิต กับนายยุน ซุค-โยล ผู้สมัครจากพรรคพีเพิล พาวเวอร์ของฝ่ายค้านที่เน้นส่งเสริมสังคมที่เป็นธรรมยิ่งขึ้น
- โปแลนด์ประกาศพร้อมมอบเครื่องบินรบขับให้สหรัฐเพื่อใช้ในยูเครน ในขณะที่สหรัฐปฎิเสธการรับมอบเครื่องบิน ทั้งนี้ เจ้าหน้าระดับสูงของโปแลนด์ระบุว่าเครื่องิบนรบที่จะจัดส่งเพื่อช่วยเหลือยูเครนต้องกระทำผ่านนาโต
- นายอเล็กซ์ บอร์นยาคอฟ รมช.กระทรวงดิจิทัลของยูเครนเปิดเผยว่า แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ยังเพิกเฉยไม่ร่วมแบนรัสเซียนั้นจะโดนประชาชนทั่วโลกโจมตีอย่างหนักแทน พร้อมวอนขอให้บริษัทต่าง ๆ ทบทวนการตัดสินใจในประเด็นดังกล่าวใหม่ ทั้งนี้ ไบแนนซ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโทฯ ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงคอยน์เบส โกลบอล อิงค์ และคราเคนระบุว่า บริษัทจะยังทำธุรกิจในรัสเซีย และยังไม่มีแผนแบนการใช้งานชาวรัสเซียจนกว่าจะมีการออกข้อบังคับทางกฎหมาย
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เผยว่า บริษัทจีนที่ท้าทายมาตรการจำกัดการส่งออกของสหรัฐที่บังคับใช้กับรัสเซียนั้น อาจถูกแบนไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ของสหรัฐที่บริษัทจีนจำเป็นต้องใช้ในการผลิตภัณฑ์สินค้า
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันพุธ ขานรับรายงานที่ว่าการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้า ซึ่งอาจจะปูทางให้สงครามในยูเครนยุติลง โดยหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาด ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นธุรกิจการเดินทาง
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,286.25 จุด เพิ่มขึ้น 653.61 จุด หรือ +2.00%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,277.88 จุด เพิ่มขึ้น 107.18 จุด หรือ +2.57% และ
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,255.55 จุด เพิ่มขึ้น 459.99 จุด หรือ +3.59%
- โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ 1% ในปีนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะถ่วงเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สำนักข่าวบลูมเบิร์กเปิดเผยถ้อยแถลงของรัฐบาลจีนเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จีนจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการคลังและตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ “ประมาณ 5.5%” ในปีนี้ แต่นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ยังคงคงคาดการณ์เศรษฐกิจจีนไว้เช่นเดิมที่ 4.5% เพราะเศรษฐกิจจีนเผชิญอุปสรรคหลากหลายประการตั้งแต่ราคาน้ำมัน, ยอดขายที่อยู่อาศัยที่ลดลง และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
- นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐจะให้ความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อรวบรวมรายงานเกี่ยวกับระบบการเงินและการชำระเงินในอนาคต ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังจะจัดการประชุมหารือร่วมกับสภากำกับดูแลเสถียรภาพทางการเงิน (FSOC) เพื่อประเมินความเสี่ยงที่มีต่อเสถียรภาพการเงิน และประเมินว่าควรใช้มาตรการป้องกันหรือไม่ นอกจากนี้ ทางกระทรวงจะร่วมมือกับพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการเพิ่มมาตรฐานและยกระดับตลาดการลงทุนในสกุลเงินคริปโทฯ
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 12% ในวันพุธ หลังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ประกาศสนับสนุนการผลิตน้ำมันเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาภาวะอุปทานขาดแคลนอันเนื่องมาจากรัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตร ฐานใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 15 ดอลลาร์ หรือ 12.1% ปิดที่ 108.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 16.84 ดอลลาร์ หรือ 13.2% ปิดที่ 111.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เอกอัคราชทูต UAE ประจำสหรัฐกล่าวว่า UAE สนับสนุนการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) พิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมัน เพื่อคลี่คลายปัญหาด้านอุปทานหลังจากที่นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย
- JP Morgan ประมาณการว่ากว่า 70% ของน้ำมันที่รัสเซียส่งออกจะเผชิญความลำบากในการหาผู้ซื้อ จากกรณีที่ สหรัฐระงับการนำเข้าน้ำมันรัสเซีย สหราชอาณาจักรทยอยลดการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และ บริษัทเชลล์ยุติการซื้อน้ำมันรัสเซีย
- นักวิเคราะห์หลายสำนักเตือนว่า มาตรการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียของสหรัฐอาจทำให้ราคาน้ำมันและราคาอาหารดีดตัวรุนแรงขึ้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ประกาศคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย เพื่อตอบโต้การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน โดยถ้อยแถลงของปธน.ไบเดนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งเหนือระดับ 128 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไต่ระดับถึง 130 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนลดช่วงบวกลง
- บริษัทนายหน้าค้าน้ำมัน ชี้ว่า การที่ตลาดเริ่มรับรู้ว่า การที่สหรัฐห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียไม่ได้ส่งผลกระทบทำให้เกิดภาวะช็อคของอุปทานน้ำมัน จนแย่กว่าที่ควรจะเป็น นำไปสู่การขายทำกำไรในน้ำมัน
- ประธานบริษัทลิโพว์ ออยล์ แอสโซซิเอทส์ (Lipow Oil Associates) เผยว่า หากรัสเซียตอบโต้กลับด้วยการไม่ส่งน้ำมันให้ยุโรป อาจทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 20-30 ดอลลาร์/บาร์เรลได้อย่างง่ายดาน ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยขู่ระงับการส่งก๊าซให้ยุโรปมาแล้ว หากยุโรปและสหรัฐพุ่งเป้าเล่นงานภาคพลังงานของรัสเซีย
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ฝ่ายตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่แคปิตอล อีโคโนมิกส์ (Capital Economics) ให้ความเห็นว่า “ในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุด เมื่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ทุกประเทศพากันแบนการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย อาจทำให้ซัพพลายพลังงานลดลงและชะงักงันอย่างรุนแรง” ส่งผลให้ราคาดีดตัวสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- worldometers รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทั่วโลกรวมอยู่ที่ 6,043,115 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 451,342,301 ราย รายงานระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 81 ล้านราย และผู้เสียชีวิต 989,473 ราย ส่วนอันดับสองและสามได้แก่ อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 42 ล้านราย และผู้เสียชีวิต 515,490 ราย และบราซิลซึ่งมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 29 ล้านราย และผู้เสียชีวิต 653,588 ราย
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22,984 ราย ผู้ป่วยสะสม 888,422 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,111,857 ราย เสียชีวิต 74 ราย เสียชีวิตสะสม 23,512 ราย
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.06 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ32.85-33.10 บาทต่อดอลลาร์
- นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมของไทย กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) โดยยืนยันว่า รัฐบาลยังคงตรึงราคาดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรจนกว่าจะตรึงไม่ได้
- กรมปศุสัตว์หารือผู้ผลิตพร้อมรองรับภาวะวัตถุดิบอาหารสัตว์ขาดแคลน-ราคาสูง โดยสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย แจ้งว่า โรงงานอาหารสัตว์ได้รับผลกระทบด้านต้นทุน จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/63 ตลอดจนกระทั่งปัจจุบัน คิดเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 25-30%
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest , CNBC