• สรุปข่าวราคาทองคำ ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2565

    18 มีนาคม 2565 | Gold News

ข่าวเกี่ยวกับทองคำ


  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันพฤหัสบดี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่มากเท่าที่นักลงทุนเคยวิตกกังวล ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน


  • ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 17.05 เหรียญ หรือ 0.88% มาอยู่ที่ระดับ 1,943.92 เหรียญ
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 34 เหรียญ หรือ 1.78% ปิดที่ 1,943.2 เหรียญ
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 90.6 เซนต์ หรือ 3.67% ปิดที่ 25.616 เหรียญ
  • กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 2.91 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,073.44 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 44.42 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 97.78 ตัน


  • สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยว่า กำลังการผลิตทองคำของอินเดียอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 20 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่ระดับ 1.6 ตันต่อปี หากมีการปรับปรุงระบบราชการที่ยุ่งยาก และส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมนี้ ทั้งนี้ อินเดียเป็นผู้นำเข้าทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลก โดยดีมานด์ส่วนใหญ่ในประเทศได้รับการตอบสนองด้วยทองคำนำเข้า ถ้าหากอินเดียสามารถเพิ่มกำลังการผลิตภายในประเทศ ก็จะลดพึ่งพาการนำเข้าได้ โดยในปี 2564 อินเดียนำเข้าทองคำรวม 1,050 ตัน คิดเป็นมูลค่า 5.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากที่สุดในรอบทศวรรษ และมากกว่ายอด 430 ตันของปี 2563 กว่าเท่าตัว


  • นักกลยุทธ์ด้านสกุลเงินของ DailyFX กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดทองคำกำลังรับรู้ประเด็นการประชุมของเฟด ซึ่งเราจะเห็นราคาทองคำเปิดปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากสิ่งที่เฟดส่งสัญญาณคือ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้ง แต่ไม่เป็นการขึ้นดอกเบี้ยในเชิงโครงสร้าง ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์และหุ้นแกว่งตัวขึ้นมากกว่าราคาทองคำ และมีความเป็นไปได้ที่ความเสี่ยงยูเครนจะยังคงมีอยู่ และไม่มีความชัดเจน


  • นักวิเคราะห์อาวุโสจาก OANDA กล่าวว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหลักในการปรับขึ้นของราคาทองคำ นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลง หลังจากเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดการณ์


  • นักวิเคราะห์จาก Fxstreet ระบุว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากฝั่งซื้อเป็นส่วนใหญ่ ราคาฟื้นตัวหลังจากที่เฟดออกมาประกาศเข้มงวดนโยบายการเงิน และมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ทั้งนี้ความเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกจะกลายเป็นปัจจัยเด่นที่กระทบราคาทองคำหลังจากผลการประชุมเฟด และตลาดยังคงจับตาประเด็นสงครามในยูเครน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์ปรับฐานต่อ เป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ


ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง


  • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงในวันพฤหัสบดีและแตะระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ผลการประชุมของเฟด ตามที่เฟดคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าในการเจรจารัสเซีย-ยูเครน


  • ดัชนีดอลลาร์  ปรับตัวลดลง -1.11 จุด หรือ -1.12% มาอยู่ที่ระดับ 97.99 จุด
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี  ปรับตัวขึ้น 0.018% มาอยู่ที่ระดับ 2.167%


  • ธนาคารอังกฤษมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ด้วยมติ 8 ต่อ 1 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 30 ปี แต่ธนาคารอังกฤษปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ และคาดว่าจะทำจุดสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเมษายนนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่งและตลาดแรงงานในสหราชอาณาจักรมีความแข็งแก่รงเช่นกัน


  • ตลาดการเงินคาดการณ์ ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ระดับอัตราดอกเบี้ยกลับขึ้นสู่ระดับ 0% หลังมีอัตราติดลบมากกว่า 8 ปีที่ผ่านมา


  • ประธานธนาคารกลางยุโรป คริสติน ลาร์การ์ด ส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยล่าช้า โดยกล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรปยังคงมีช่องว่างเวลาระหว่างกำหนดการที่ยุติการหยุดพิมพ์เงินในช่วงฤดูร้อนนี้ กับ กำหนดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ครั้งแรกในรอบหลายปี


  • ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของสหรัฐได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมเงินเฟ้อ ธนาคารซิตี้กรุ๊ป, เวลส์ ฟาร์โก, เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงก์ ออฟ อเมริกา ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากระดับ 3.25% สู่ระดับ 3.5% โดยธนาคารเหล่านี้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้หลังจากที่เฟดปรับขึ้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี


  • นักเศรษฐศาสตร์จาก ING คาดค่าเงินยูโรดอลลาร์จำกัดการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่บริเวณ 1.11-1.12 ดอลลาร์ต่อยูโร หลังจากเฟดส่งสสัญญาณนโยบายประกอบกับมีบางสื่อรายงานว่าธนาคารกลางยุโรปอาจไม่พอใจหากค่าเงินยูโรดอลลาร์อยู่ในระดับบริเวณ 1.10 ดอลลาร์ต่อยูโร ธนาคารกลางยุโรปอาจจะพอใจที่ตอบสนองความคาดหวังตลาดที่มองการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพียง 0.35-0.50% ภายในสิ้นปีนี้


  • นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นยังไม่มีแนวโน้มที่จะเห็นอัตราเงินเฟ้อแตะระดับเป้าหมาย ของ BOJ ที่ระดับ 2% แม้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นก็ตาม ซึ่งจะทำให้ BOJ ยังคงต้องใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไป


ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ


  • รัฐมนตรีคลังรัสเซีย กล่าวอ้างว่า รัสเซียสามารถชำระเงินกู้ส่วนดอกเบี้ยสำหรับพันธบัตรเงินกู้สกุลดอลลาร์จำเนวนเงิน 117 ล้านเหรียญสหรัฐได้สำเร็จ โดนชำระผ่านตัวกลางธนาคาร Citibank ในขณะที่ธนาคาร Citibank ปฎิเสธการให้ข้อมูล


  • บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติหรือ G7 จัดประชุมผ่านทางออนไลน์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการร่วมมือกันเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียโทษฐานที่บุกโจมตียูเครน


  • นายทาดาโตชิ อะกิบะ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองฮิโรชิมา เรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย หลีกเลี่ยงการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน หลังปธน.ปูตินสั่งการให้กองกำลังป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Deterrent Forces) เตรียมพร้อมในระดับสูงสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา


ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ


  • ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี ขานรับรายงานที่ว่า รัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาด รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ


  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,480.76 จุด เพิ่มขึ้น 417.66 จุด หรือ +1.23%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.81 จุด หรือ +1.23% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,614.78 จุด เพิ่มขึ้น 178.23 จุด หรือ +1.33%


  • ตลาดแรงสหรัฐตึงตัวต่อ จากการประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการสหรัฐ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 214,000 รายลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 220,000 รายและน้อยกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 22,000 ราย อย่างไรก็ตาม ตลาดไม่ได้ตอบสนองต่อการประกาศตัวเลขดังกล่าวมากนัก


  • ธนาคารโลก เปิดเผยว่า ประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งเผชิญปัญหาการขาดแคลนข้าวสาลีในระยะสั้น เนื่องจากต้องพึ่งพาการส่งออกข้าวสาลีจากยูเครน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการรุกรานของรัสเซีย


ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน


  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 8% ในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากชาติตะวันตกประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย


  • สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. พุ่งขึ้น 7.94 ดอลลาร์ หรือ 8.35% ปิดที่ 102.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 8.62 ดอลลาร์ หรือ 8.79% ปิดที่ 106.64 ดอลลาร์/บาร์เรล


  • นักยุทธศาสตร์จากหลักทรัพย์ TD กล่าวว่า อุปทานน้ำมันอาจหยุดชะงักซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งสู่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้ง จากการที่รัสเซียอาจผลิตน้ำมันลดลงประมาณหนึ่งในสี่ในเดือนหน้า และซาอุดิอาระเบียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไม่ได้ให้สัญญาว่าจะผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น แม้ว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษจะเดินทางเพื่อขอเพิ่มอุปทานก็ตาม


  • Morgan Stanley ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันสู่ระดับ 120 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 3 และ 110 เหรียญต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 4 ปรับเพิ่มจากเดิมคาดการณ์ 100 เหรียญต่อบาร์เรลในทั้งสองไตรมาส เนื่องจาก ปริมาณน้ำมันสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงที่สุดในรอบหลายปี และกำลังผลิตจาดรัสเซียที่ลดลง จึงคาดว่าจะสร้างแรงกดดันราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น


  • Morgan Stanley คาดการณ์จะมึอุปทานน้ำมันจากอิหร่านเข้าสู่ตลาดประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 จากการที่มีโอกาสเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ได้


ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19


  • สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 27,071 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,079,734 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,303,169 ราย เสียชีวิต 80 ราย เสียชีวิตสะสม 24,075 ราย 


  • เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐอาจเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19 อีกระลอกในไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมถึงอาจมีวัคซีนโดสกระตุ้นและสิ่งที่จะช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยไม่เพียงพอ หากสภาคองเกรสไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณสำหรับโรคระบาดใหญ่


  • องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลกอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นมาก เนื่องจากบางประเทศรายงานว่ามีอัตราการตรวจหาเชื้อลดลง โดย WHO เตือนประเทศต่าง ๆ ให้ยังคงเฝ้าระวังโควิดต่อไป


  • กระทรวงสาธารณสุขอิสราเอลตรวจพบโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ใหม่ เชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวเป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิม, สายพันธุ์ย่อยบีเอ.1 (BA.1) และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 (BA.2) ซึ่งพบในผู้โดยสาร 2 รายที่เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเบนกูเรียนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา


ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท


  • นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.26 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.30 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.20-33.40 บาทต่อดอลลาร์


  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าการใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่มในประเทศปี 2565 อาจอยู่ที่ระดับ 2.57-2.59 ล้านล้านบาท หรือขยายตัว 1.9-2.7% เทียบกับปี 2564 ที่ขยายตัว 2.5% โดยปัจจัยหนุน ยังคงมาจากระดับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นราว 3.1%YoY ตามต้นทุนการผลิตที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูง จากความไม่สงบในยูเครน ที่ซ้ำเติมปัญหาคอขวดห่วงโซ่อุปทานในตลาดโลก


ที่มาจาก : ReutersFXstreet, Infoquest , Bloomberg, CNBC, DailyFX

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com