ข่าวเกี่ยวกับทองคำ
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ราคาทองคำตลาดโลก ปรับตัวขึ้น 15.24 เหรียญ หรือ 0.79% มาอยู่ที่ระดับ 1,934.2 เหรียญ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 1,929.5 ดอลลาร์/ออนซ์
- สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 22.6 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 25.313 ดอลลาร์/ออนซ์
- กองทุนทองคำ SPDR วันก่อนหน้าซื้อเข้า 1.16 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 1,083.6 ตันภาพรวมเดือนมีนาคม ซื้อสุทธิ 54.58 ตัน ขณะที่ปีนี้ ตั้งแต่ 1 ม.ค. - ปัจจุบัน ซื้อสุทธิ 107.94 ตัน
- นักวิเคราะห์อาวุโสการตลาดของ City Index กล่าวว่า นักลงทุนบางส่วนเริ่มกลับมาซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่ยูเครนปฏิเสธคำเรียกร้องของรัสเซียให้ยอมจำนนเมืองท่ามาริอูโปลในวันจันทร์ ซึ่งประชาชนถูกปิดล้อมด้วยอาหาร น้ำ และพลังงานเพียงเล็กน้อย และเกิดการสู้รบระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างรุนแรง
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ชี้ว่า ทองคำยังคงถูกพิจารณาว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และสินทรัพย์ที่สะสมมูลค่า (store of value)
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ชี้ว่า นักลงทุนยังคงซื้อ ETF ทองคำอย่างต่อเนื่อง จากการที่เห็นยอดซื้อทองคำกว่า 30 ตันในสัปดาห์ก่อนหน้า และจากสถิติของคณะกรรมการค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) บ่งชี้ว่า การเก็งกำไรในทองคำมีปริมาณสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา นั่นหมาบความว่า ไม่เพียงแต่นักลงทุนระยะยาวใน ETF ทองคำเท่านั้นที่ซื้อทองคำ แต่นักเก็งกำไรยังซือทองคำอย่างมาก เช่นกัน
- นักวิเคราะห์จาก Fxstreets กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลง 3.4% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคาทองคำเริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการพยายามขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,950 เหรียญ ท่ามกลางความระมัดระวังของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงมีอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนทวีความรุนแรงขึ้น รวมทั้งการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและจีนไม่คืบหน้า และตลาดรับรู้ถ้อยแถลงของเฟดที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในช่วงต้นสัปดาห์นี้
ข่าวเกี่ยวกับค่าเงิน และธนาคารกลาง
- ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆในวันจันทร์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ออกมาแสดงความเห็น เกี่ยวกับการตึงเข้มนโยบายการเงินเพิ่มมากขึ้น
- ดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.26 จุด หรือ 0.26% มาอยู่ที่ระดับ 98.49 จุด
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.171% มาอยู่ที่ระดับ 2.32%
- ประธานธนาคารสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณอาจจะปรับขึ้น 0.50% หากจำเป็น โดยระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป มีความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และเฟดพร้อมใช้มาตรการที่สำคัญหากจำเป็น และส่งสัญญาณว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ได้ และอาจจะปรับขึ้น 0.50% หากจำเป็น
- สกุลเงินดอลลาร์ยังคงมีแรงซื้อหนุน จากการที่ตลาดหันหลังให้กับการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ท่ามกลางภาวะสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากที่ยูเครนปฏิเสธการยอมจำนนต่อเมืองท่าทางตอนใต้ของเมืองมาริอูโพล
- ผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ชี้ว่า ตลาดการเงินคาดการณ์ ธนาคารยุโรปจะขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0% ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะขึ้นดอกเบี้ยทั้งสิ้น 2 ครั้งครั้งละ 0.25% จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ -0.50% มาตั้งแต่ปี 2014
- นักเศรษฐศาสตร์จาก Commerzbank ชี้ว่า ตลาดมีมุมมองว่าสงครามยูเครนยืดเยื้อ เป็นปัจจัยกดดันค่าเงินยูโร โดยตลาดมองว่าการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียเพียงแต่บุกในบางพื้นที่ที่กำหนดเท่านั้น ในขณะที่การบุกของรัสเซียจะเริ่มบุกพื้นที่ลึกเข้าไปมากขึ้น เป็นเหตุผลที่ตลาดมองว่าสงครามจะยืดเยื้อ
- ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า สถาบันการเงินของจีนมียอดทรัพย์สินและหนี้สิน ณ สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้นกว่า 8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสถาบันการเงินจีนมีการถือครองทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 381.95 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบรายปี ส่วนหนี้สินรวมของสถาบันการเงินจีน ณ สิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 346.58 ล้านล้านหยวน
ข่าวเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ
- ผลการเจรจาระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ผู้แทนทั้ง 2 ฝ่ายกล่าวว่า ไม่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การสู้รบยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และรัสเซียยืนยันว่า "จะไม่มีการหยุดยิงชั่วคราวระหว่างการเจรจา" โดยรัสเซียให้เหตุผลว่าการหยุดยิงไม่ได้ทำให้ยูเครนยอมแพ้
- ในขณะที่ นายเมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี กล่าวว่า รัสเซียและยูเครนมีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อหาข้อยุติหยุดยิง ขณะที่ยังมีบางประเด็นซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจจากผู้นำทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงในประเด็นพื้นฐาน โดยย้ำถึงแนวโน้มในเชิงบวกระหว่างเข้าร่วมประชุมพรรครัฐบาลตุรกี
- รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยในสัปดาห์นี้บรรดาผู้นำใน EU จะร่วมหารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ
- ยูเครนปฏิเสธคำเรียกร้องของรัสเซียที่ให้เมืองท่ามาริอูโพลยอมจำนน โดยยังคงมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดและไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลง
- สหประชาชาติ (UN) ชี้ มีผู้อพยพออกจากยูเครนกว่า 10 ล้านคน จากกรณีรัสเซียบุกยูเครน คิดเป็นเกือบหนึ่งในสี่ของประชากรยูเครน และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกอพยพไปทางยุโรปฝั่งตะวันตก คาดมีผู้อพยพเข้าเยอรมันแล้วกว่า 1 ล้านคน และเข้าโปแลนด์กว่า 2 ล้านคน
- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันศุกร์นี้เพื่อร่วมหารือกับประธานาธิบดีอันด์แชย์ ดูดา ของโปแลนด์ เกี่ยวกับแนวทางการรับมือรัสเซียที่ส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน จนนำไปสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ขณะที่ยอดผู้อพยพจากยูเครนไปยังโปแลนด์นั้นมีมากกว่า 2 ล้านคนแล้ว
- นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐจะไม่เดินทางเยือนยูเครนในระหว่างการเยือนยุโรปตามกำหนดการในสัปดาห์นี้ โดยการเยือนยุโรปครั้งนี้จะยังมุ่งเน้นที่การระดมความช่วยเหลือจากทั่วโลก เพื่อช่วยชาวยูเครน และรับมือการรุกรานยูเครนของปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน
- เอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ ให้คำมั่นว่าจีนจะทำทุกอย่างเพื่อลดความรุนแรงของสงครามในยูเครน แต่ปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานของรัสเซีย
ข่าวเกี่ยวกับตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ
- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอยู่ในระดับที่สูงเกินไป และเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,552.99 จุด ลดลง 201.94 จุด หรือ -0.58%,
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,461.18 จุด ลดลง 1.94 จุด หรือ -0.04%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,838.46 จุด ลดลง 55.38 จุด หรือ -0.40%
ข่าวเกี่ยวกับน้ำมันและพลังงาน
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 7% ในวันจันทร์ หลังมีรายงานข่าวว่า ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียตามรอยสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 7.42 ดอลลาร์ หรือ 7.09% ปิดที่ 112.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 7.69 ดอลลาร์ หรือ 7.12% ปิดที่ 115.62 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เจฟฟรีย์ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ OANDA ชี้ว่า การโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีที่คลังน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย เป็นสัญญาณเตือนที่จะเกิดการขาดแคลนในการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเชิงโครงสร้าง และการที่สหภาพยุโรปคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซีย อาจทำให้ราคาน้ำมันในเอเชียพุ่งสูงขึ้น
- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน ทำเนียบขาวของสหรัฐเชิญผู้บริหารจากบริษัทนำมันและบริษัทชั้นนำต่างๆเพื่อพูดคุยเจรจา ท่ามกลางสถานการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น พร้อมผลักดันให้บริษัทน้ำมันเร่งเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ
- รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น เรียกร้องให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน
ข่าวเกี่ยวกับ Covid-19
- สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,382 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,175,357 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) รวมยอดติดเชื้อสะสม 3,398,792 ราย เสียชีวิต 83 ราย เสียชีวิตสะสม 24,417 ราย
- เจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า การพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนชนิดสายพันธุ์เดี่ยว (Monovalent) และชนิดหลายสายพันธุ์ (Multivalent) มีความคืบหน้าในเชิงบวก
- นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า สหรัฐมีแนวโน้มจะมียอดผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นแบบเดียวกับในยุโรปและในสหราชอาณาจักร เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 อย่างไรก็ดี นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า ยอดผู้ติดเชื้ออาจจะไม่พุ่งขึ้นมากนัก และระบุว่า มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องอย่างชัดเจน
ข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและค่าเงินบาท
- นักบริหารการเงิน เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน และอ่อนค่าจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.54 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ ที่ระดับ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์
ที่มาจาก : Reuters, FXstreet, Infoquest , Bloomberg, CNBC